พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔
พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ หมายถึง, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ คือ, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ ความหมาย, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ คืออะไร
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จดำรงสิริราชสมบัติสืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชชนกดังนั้น เมื่อถึงวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๓๖ จึงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรรจบครบรอบ ๒๕ ปีบริบูรณ์ ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงมหามงคลพิเศษสมัยนี้ว่า พระเจ้าแผ่นดินตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี ตลอดมาจนถึงแผ่นดินพระองค์ รวม ๓๘ พระองค์ ที่ทรงดำรงรัชกาลถึง ๒๕ ปีขึ้นไป มีเพียง ๙ พระองค์เท่านั้นควรบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เผดียงพระราชาคณะ พระครูฐานานุกรมเปรียญและเจ้าอธิการ ตามพระอารามในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดอ่างทองที่พระเจ้าแผ่นดินในสมัยก่อน หรือพระบรมวงศานุวงศ์ในพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้นๆ ได้ทรงสร้างแล้วปฏิสังขรณ์สืบมา จำนวน ๓๘ รูป เจริญพระพุทธมนต์ วันที่ ๓๐ กันยายน และ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๓๖ ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับพระราชทานฉันแล้วมีเทศนา ๑ กัณฑ์ และขอแรงพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาททำซุ้มลับแลไฟเป็นเครื่องประดับสำหรับสักการะได้พระราชอุทิศถวายจำเพาะแด่พระเจ้าแผ่นดิน องค์ละซุ้ม และตกแต่งโคมรูปต่างๆ เป็นเครื่องประดับเพิ่มเติมอย่างงดงามยิ่ง
อนึ่ง ในมหามงคลพิเศษสมัยที่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๒๕ ปี บริบูรณ์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญเงินเป็นที่ระลึกพระราชทานชื่อว่า “เหรียญรัชดาภิเษกมาลา” เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท
ครั้นถึงวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๓๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับบรมราชาภิเษก นับทางจันทรคติได้ ๒๕ ปีบริบูรณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีรัชดาภิเษก ณ พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ ๑-๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๓๖ โดยจัดรูปแบบพระราชพิธีทำนองเดียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือ มีวันตั้งน้ำวงด้าย (สายสิญจน์รอบมณฑลพระราชพิธี) เจริญพระพุทธมนต์ ๓ วัน สรงพระมูรธาภิเษก ประทับพระที่นั่งอัฐทิศ รับน้ำอภิเษก ประทับพระที่นั่งภัทรบิฐพราหมณ์อ่านมนต์เปิดประตูไกรลาส ไม่มีการถวายพระสุพรรณบัฏและเครื่องสิริราช กกุธภัณฑ์แล้วเสด็จออกรับคณะทูตานุทูตถวายชัยมงคลทรงตั้งพระราชาคณะ ๓ รูปเป็นมงคลฤกษ์คณะสงฆ์สวดถวายชัยมงคล ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จออกให้ราษฎรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายชัยมงคล มีพระธรรมเทศนา ๕ กัณฑ์ เจ้าพนักงานตั้งบายศรีเวียนเทียนสมโภชพระราชมณเฑียร ๓ วัน และเสด็จพระราชดำเนินศาลายุทธนาธิการให้ทหารบกทหารเรือเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายตัว
ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรรจบครบ ๒๕ ปีบริบูรณ์ ในวันที ๙ มิถุนายนพุทธศักราช ๒๕๑๔ รัฐบาลและประชาชนชาวไทยสำนึกโนพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ เห็นชอบเป็นสมานฉันท์ในอันที่จะร่วมกันแสดงความจงรักกักดี จัดงานพระราชพิธีรัชดาภิเษกขึ้นเฉลิมฉลองเป็นราชสักการะ แต่เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในอาญาประชาราษฎร์ มีพระราชดำริว่า บ้านเมืองยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ควรมุ่งพัฒนาเพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน และไม่ควรจัดงานให้มโหฬาร ด้วยทรงเกรงว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ จึงพระราชทานพระราชกระแสปรากฏแก่รัฐบาลว่า “ขอให้ทำโดยประหยัด ”รัฐบาลจึงน้อมเกล้าฯ รับพระราชกระแสสนองพระราชประสงค์ โดยจัดงานเน้นหนักไปในทางที่เป็นการพัฒนาบ้านเมือง เพื่ออำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชน เป็นต้นว่าสร้างโรงเรียน ตั้งทุนเพื่อการศึกษาและวิจัย สร้างถนน และจัดทำของที่ระลึก ส่วนพระราชพิธีรัชดาภิเษกมีแต่ เพียงเสด็จออกมหาสมาคมทรงรับคำถวายพระพรในมหามงคลสมัยเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๒๕ ปี ส่วนงานเฉลิมฉลองที่สำคัญ คือ การสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพไทย เนื่องในพระราชพิธีรัชดาภิเษก และงานสโมสรสันนิบาตของรัฐบาล
การเสด็จออกรับคำถวายพระพรในมหามงคลสมัยเถลิงถวัลยราชสมบัติบรรจบครบ ๒๕ ปี มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๔
วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๔ เวลา ๑๐.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ พระบรมมหาราชวังเสด็จออกมหาสมาคมทรงรับคำถวายพระพรในมหามงคลสมัยเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๒๕ ปี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต้นไม้ทองเงินธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต้นไม้ทองเงิน ธูปเทียนแพแล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลแทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ ทหาร พลเรือนพันเอก นายวรการบัญชา ประธานรัฐสภาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต้นไม้ทองเงินธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลแทนสมาชิกรัฐสภา จบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลด้วยคำอันเป็นที่น่าจับใจยิ่ง ตอนหนึ่งความว่า
“เมื่อ ๒๕ ปีโพ้น ต่อหน้ามหาสมาคมกอปรด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรี พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการผู้ใหญ่ พระราชาพระองค์หนึ่งตรัสมีความโดยสังเขปว่า ‘ข้าพเจ้าขอขอบใจที่ได้มอบราชสมบัติให้ ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ และเพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างเต็มความสามารถขอให้ท่านจงร่วมกันทำดังกล่าว’ แล้วก็เสด็จก้าวไปจากมหาสมาคมนั้น ครั้นแล้วก็ทรงหันกลับมาใหม่ แล้วตรัสอย่างหนักแน่นว่า ‘และด้วยใจสุจริต’ พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดวงมณี ดวงประทีป และดวงใจของมวลชนชาวไทย พระราชกระแสรับสั่งและสีพระพักตร์ตอนที่รับสั่งนั้น เป็นที่ซาบซึ้งจับจิตและตื้นตันใจต่อผู้ที่มีวาสนาได้เห็นได้ฟังอย่างยากยิ่งที่จะพรรณนาให้ถูกต้องได้ เพราะว่าประการแรก ขณะนั้นทรงมีพระชนม์เพียง ๑๘ พรรษา อีกทั้งขณะนั้นเป็นยามที่ตื่นตระหนก และยามเศร้าหมองอย่างสุดที่พระมหากษัตริย์หรือบุคคลใดจะพึงเผชิญในชีวิต อีกทั้ง เป็นกาลเวลาที่บ้านเมืองกำลังปั่นป่วนมิอาจที่จะทรงทราบหรือทรงเดาได้ว่า เหตุการณ์ภายในประเทศต่อไปแม้เพียงในชั่วโมงข้างหน้า วันข้างหน้า จะเป็นอย่างไรประการที่สอง พระราชกระแสและพระสุรเสียงตลอดจนสีพระพักตร์ในขณะรับสั่งนั้น แสดงถึงความจริงจัง ความแน่ชัด และความเด็ดขาด เห็นได้ชัดว่า เป็นพระราชกระแสรับสั่งที่มาจากเบื้องลึกสุดของพระราชหฤทัย จึงเป็นพระราชปฏิญาณที่แน่นอนและเด่นชัด และเห็นได้ว่า เป็นพระราชดำรัสที่รับสั่งโดยมิได้ทรงตระเตรียม แต่ง หรือเขียนไว้ก่อน จึงไม่มีผู้ใดได้เตรียมบันทึกพระราชกระแสนั้นไว้...”
ส่วนงานเฉลิมฉลองอันเนื่องมาจากพระราชพิธีดังกล่าวที่สำคัญ คือ การสวนสนามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพไทย ในวันที่ ๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๔ ณ ถนนราชดำเนินกรุงเทพมหานคร โดยจัดกำลังทั้งภาคพื้นดินและภาคอากาศ เพื่อให้เหล่าทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครพลเรือน ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีและเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความพร้อมเพรียงความเข้มแข็งในแสนยานุภาพแห่งกำลังกองทัพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพไทย
อีกงานหนึ่ง คือ งานสโมสรสันนิบาตเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๔ โดยรัฐบาลได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
ส่วนวัตถุอนุสรณ์ที่สำคัญ คือ เหรียญรัชดาภิเษก เช่นเดียวกับที่เคยทำในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งใช้ประดับร่วมกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ นอกจากนั้น ยังมีเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครองราชย์ครบ ๒๕ ปี เป็นเหรียญชุดมี ๓ ราคา อนุสรณ์สถานที่สำคัญ ได้แก่ โรงเรียนรัชดาภิเษก ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาครวม ๙ โรง และถนนรัชดาภิเษกในกรุงเทพมหานคร เป็นถนนวงแหวนรอบเมืองชั้นกลาง เพื่อให้รถจากต่างจังหวัดสามารถผ่านกรุงเทพมหานครได้โดยไม่ต้องเข้ามาในกลางเมือง
แม้พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ จะผ่านไปอย่างเรียบง่ายและประหยัดแล้วก็ตาม แต่ทุกปีในรัชกาลที่ผ่านไป ประชาชนชาวไทยก็ได้ประจักษ์และตระหนักซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวไทย ด้วยพระราชวิริยะอุตสาหะอันแรงกล้า ยากยิ่งที่สามัญชนผู้ใดจะประพฤติปฏิบัติเทียบเท่าได้ ดังนั้น ปวงอาณาประชาราษฎร์จึงมีความจงรักภักดีในพระองค์ท่านอย่างยิ่งใหญ่มากล้น เหนือประชาชนของประเทศใดในโลกนี้จะมีต่อพระประมุขของเขา ทุกคนจึงพร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ที่จะขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้อภิบาลให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระเกษมสำราญผ่านพ้นพระโรคาพยาธิ มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน เป็นฉัตรแก้วคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อมราษฎรของพระองค์ตลอดกาลนาน
พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ หมายถึง, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ คือ, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ ความหมาย, พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔ คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!