ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส หมายถึง, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส คือ, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส ความหมาย, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 2
เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส

          ภายในบริเวณวัดซึ่งมีกำแพงล้อมไว้โดยรอบนั้น ประกอบด้วยพื้นที่ ๒ ส่วนใหญ่ ๆ  คือ  “เขตพุทธาวาส”  สำหรับใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรม และเป็นที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างประเภทปูชนียสถานและศาสนสถานกับ “เขตสังฆาวาส” สำหรับใช้เป็นที่พำนักของภิกษุและสามเณร

           ในเขตสังฆาวาสมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ดังต่อไปนี้

           ๑. กุฏิ  คือ  เรือนหรือตึกสำหรับเป็นที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร  กุฏิทั่วไปมีลักษณะคล้ายกับเรือนทรงไทย  ปลูกเป็นหลังยาว  ๆ  แล้วกั้นฝาประจันแบ่งเป็นห้อง ๆ  เพื่อให้พระภิกษุหรือสามเณรอยู่ห้องละองค์ตามวินัยบัญญัติ  กุฏิแต่ละหลังมักปลูกขึ้นเป็นหมู่  โดยหันด้านหน้าเข้าหากัน มีชานนอกเป็นพื้นโล่งเชื่อมถึงหน้ากุฏิทุกหลังพื้นที่ตรงกลางชานนอกมักสร้างเรือนโถงขึ้นหลังหนึ่งเรียกว่า  “หอฉัน”  สำหรับพระภิกษุและสามเณรปฏิบัติภัตกิจในแต่ละวันกฏิที่ปลูกสร้างเป็นลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่า  “คณะหมู่” นิยมสร้างขึ้นให้เป็นที่อยู่สำหรับคณะสงฆ์ฝ่ายคันถธุระ คือคณะสงฆ์ที่เล่าเรียนพระคัมภีร์หรือการศึกษาพระปริยัติธรรมกับกุฏิอีกลักษณะหนึ่งที่ปลูกสร้างขึ้นแบบเรือนทรงไทย เป็นหลังโดดๆ และมีขนาดเล็ก มีพื้นที่ภายในกว้างพอสำหรับพระภิกษุรูปเดียวพำนักอยู่ได้ กุฏิลักษณะนี้อาจสร้างขึ้นได้หลายๆ หลัง แต่จัดให้อยู่ห่างๆ กันในบริเวณเดียวกัน  หมู่กุฏิลักษณะนี้เรียกว่า  “คณะกุฎิ์”  นิยมสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่สำหรับคณะสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ คือ คณะสงฆ์ที่ศึกษาด้านการเจริญวิปัสสนา หรือ กิจการของพระศาสนาในด้านการบำเพ็ญกรรมฐาน วัดแห่งหนึ่งอาจมีทั้งคณะหมู่ และคณะกุฎิ์แต่บางวัดอาจมีเพียงคณะเดียวเท่านั้น

          ๒. ศาลาการเปรียญ  คือ  สิ่งปลูกสร้างลักษณะคล้ายเรือนหลังใหญ่ ยกพื้นสูงเสมอศีรษะคนยืน  มีเฉลียงโดยรอบ  กั้นฝาแต่ละด้านเป็นฝาโปร่งๆ  ภายในศาลาตอนที่อยู่ชิดฝา  ด้านหนึ่งทำยกพื้นเป็น “อาสน์สงฆ์”  สำหรับพระสงฆ์ขึ้นนั่งเจริญพระพุทธมนต์ตรงหัวอาสน์สงฆ์ด้านหนึ่งเป็นที่ตั้งพระพุทธรูปและเครื่องบูชา ศาลาการเปรียญได้รับการสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาพระพุทธศาสนาสำหรับพระสงฆ์ในวันธรรมดากับบรรดาพุทธศาสนิกชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันในการบำเพ็ญกุศลโนวันธรรมสวนะและวันสำคัญทางพุทธศาสนา

          ๓. หอกลอง - หอระฆัง  คือ  สิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะเป็นหอสูง ประกอบด้วยเสา ๔  ต้น  ตั้งขึ้นไปรับพื้นหอ มีหลังคาคลุมตัวหอเปิดโล่งทั้ง  ๔  ด้าน  ทำพื้นเป็นชั้นและทำบันไดขึ้นไปจนสุดชั้นบน  ที่เพดานชั้นบนแขวนระฆังไว้  ๑  ลูก  ส่วนชั้นล่างลงมาแขวนกลองขนาดย่อมไว้  ๑  ลูก  บางวัดอาจสร้างหอขึ้นสำหรับไว้กลองโดยเฉพาะ หอกลอง - หอระฆังนี้สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่สำหรับตีระฆังและตีกลองเพื่อแจ้งเวลาแก่พระสงฆ์ให้ทราบสำหรับทำ  “วัตรปฏิบัติ”  ประจำวันตามปกติ ในเวลากลางวันจะตีกลอง  ส่วนกลางคืนจะตีระฆัง  สาเหตุที่ต้องทำเป็นหอสูงๆ  ก็เพื่อที่จะให้เสียงดังไปไกล ๆ บรรดาชาวบ้านในละแวกวัดจะได้ทราบเวลาระหว่างวันและคืนด้วย

          ๔. ศาลาบาตร  คือ  สิ่งปลูกสร้างขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นแคร่  หรือฐานก่ออิฐยกพื้นมีความสูงเสมอเอว และกว้างพอตั้งบาตรได้ความยาวไม่จำกัด แต่ต้องมีหลังคาคลุมตลอด  ศาลาบาตรนี้มักสร้างไว้ใกล้กับศาลาการเปรียญ สำหรับเป็นที่ตั้งบาตรเรียงรายเป็นแถว เพื่อรอรับบรรดาพุทธศาสนิกชนมาตักบาตรในวันธรรมสวนะ  และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

          ๕. เว็จกุฎี  คือ  สิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้เป็นที่สำหรับพระสงฆ์และสามเณรถ่ายอุจจาระ  และปัสสาวะ แต่เดิมสร้างขึ้นลักษณะคล้ายเรือนทรงไทย  โดยทำเป็นหลังยาวๆ  ขนาดเล็ก ยกพื้นสูง หน้าเรือนมีระเบียงแคบทอดไปตามยาว  ภายในเรือนกั้นฝาแบ่งเป็นห้องเล็กๆ  พอนั่งถ่ายทุกข์ได้เฉพาะตัว  ด้านหน้าเปิดเป็นช่องประตูแต่ไม่มีบานปิด มีแต่แผงไม้ขนาดสูงเสมอหัวเข่ากั้นขวางไว้  เพื่อกันไม่ให้คนที่อยู่ภายนอกมองเห็นคนที่อยู่ภายในได้  พื้นตรงกลางห้องเจาะทำช่องกลมๆ ไว้สำหรับถ่ายอุจจาระ และมีแผ่นไม้เซาะเป็นรางรองรับปัสสาวะให้ไหลไปตามรางซึ่งยาวลอดรูฝาด้านหลังไปตกข้างนอกห้องใต้ถุนเว็จกุฎีก่ออิฐเป็นฝาล้อมไว้กันอุจาด  เว็จกุฎีลักษณะที่อธิบายมานี้  ปัจจุบันไม่ค่อยมีให้เห็น เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ส้วมแบบสมัยใหม่กันเป็นส่วนมาก

          วัดไทยแต่ละแห่งที่ได้สร้างขึ้นในแต่ละสมัย  บางวัดอาจมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ  ดังที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้นอย่างครบถ้วน  หรืออาจจะมีเฉพาะสิ่งที่สมควรแก่หน้าที่และประโยชน์  ทั้งนี้ไม่จำกัดว่าแต่ละวัดต้องมีสิ่งปลูกสร้างทุกสิ่งดังที่ได้แสดงไว้

          อนึ่ง วัดไทยในอดีตนั้นยังได้รับการกำหนดที่ตั้งวัดที่ต่างกันไปตามคตินิยมในพุทธศาสนา  คือ  วัตประเภทหนึ่งได้รับการสร้างขึ้นภายในเมือง  เพื่อใช้เป็นศาสนสถานสำหรับพระสงฆ์ฝ่ายคันถธุระได้พำนักเรียกว่า  วัดประเภท  “คามวาสี”  คืออยู่ร่วมกับหมู่บ้าน  ส่วนวัดอีกประเภทหนึ่งไปตั้งอยู่ในเขตป่านอกเมือง  ซึ่งไกลออกไปประมาณ๕๐๐ ชั่วคันธนู  เป็นศาสนสถานสำหรับพระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ  เรียกว่า  วัดประเภท “อรัญวาสี”  คืออยู่ตามป่าห่างจากชุมชน

         วัดไทยสร้างขึ้นโดยพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์และกำลังกายสร้างขึ้นถวายไว้เพื่อธำรงพระพุทธศาสนา  เป็นสถานที่พำนักของพระสงฆ์ผู้รับภาระหน้าที่รักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเป็นสถานศึกษาสำหรับการอบรมจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่  วัดจึงได้รับการจัดสร้างขึ้นเป็นจำนวนมาก  โดยวัดที่พระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์โปรดให้สร้างขึ้นจัดเป็น พระอารามหลวง หรือวัดหลวง ตลอดจนวัดที่บรรดาขุนนางหรือคหบดีจัดสร้างขึ้น แล้วถวายพระเจ้าแผ่นดินเพื่อทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์  ก็จัดเป็นพระอารามหลวงด้วยเช่นกัน  ส่วนวัดที่ราษฎรร่วมกันสร้างขึ้นโดยทั่วไปนั้นเรียกว่า วัดราษฎร์

         วัดไทยจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นพุทธศาสนสถาน คือเป็นสถานที่โดยเฉพาะของบรรดาพุทธศาสนิกชนที่ควรให้ความนับถือและแสดงการคารวะนับตั้งแต่ย่างเข้าเขตของวัด แม้แต่วัดร้างที่อยู่ในสภาพปรักหักพังก็ควรนับถือว่าเป็นพุทธศาสนสถานเพราะปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่ยังคงเหลืออยู่บ้างานวัดร้างนั้น  ล้วนแต่เป็น “พุทธานุสรณ์” สำหรับบรรดาพุทธศาสนิกชนได้ถือเอาเป็นอนุสติ และเห็นถึงความสำคัญของพระรัตนตรัย มิใช่จะเห็นเป็นเพียงเศษอิฐเศษปูนในลักษณะของโบราณสถานเท่านั้น

          ดูเพิ่มเติมเรื่อง  การศาสนา เล่ม ๔  ประติมากรรมไทย เล่ม ๑๔ การบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และการอนุรักษ์  โบราณสถานและโบราณวัตถุ เล่ม ๑๖

เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส หมายถึง, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส คือ, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส ความหมาย, เขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 28

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu