
เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดินประเภทหนึ่ง โดยนับว่า เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ มีเพียงชนิดเดียว เป็นดวงตรารูปกลมรี ผู้ออกแบบ คือ นายพินิจ สุวรรณะบุณย์ ทรงพระกรุญาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๐ ตามพระราชบัญญัติเหรียญลูกเสือ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๓๐ ในโอกาสครบรอบ ๗๕ ปี ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๕ และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ ผู้อุทิศตนให้กิจการลูกเสืออย่างแท้จริง
ลักษณะเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ และการประดับ
ด้านหน้า มีลักษณะเป็นรูปกลมรี พื้นลงยาสีน้ำเงิน ขนาดกว้าง ๒.๕ เซนติเมตร ส่วนสูง ๓.๓ เซนติเมตร กลางดวงตรามีตราหน้าเสือประกอบวชิระเงิน ล้อมด้วยเม็ดไข่ปลาสีทอง และมีรัศมีเงินโดยรอบแปดแฉก คั่นด้วยกระจังสีทองเบื้องบนมีพระมหามงกุฎรัศมีฉลุโปร่ง และเลข “๙” สีทอง
ด้านหลัง กลางดวงตราเป็นดุม พื้นลงยาสีม่วง มีรูปตราของคณะลูกเสือโลก เบื้องล่างมีอักษรสีเงินว่า “เราจะทำนุบำรุงกิจการลูกเสือสืบไป” ที่ขอบส่วนบนของดวงตรามีห่วงห้อยแพรแถบ ขนาดกว้าง ๔ เซนติเมตร มีริ้วสีเหลืองกว้าง ๒.๒ เซนติเมตร อยู่ตรงกลาง ริมทั้งสองข้างมีริ้วสีขาวกว้าง ๓ มิลลิเมตร และริ้วสีดำกว้าง ๖ มิลลิเมตร ใช้ห้อยกับแพรแถบคล้องคอ
การพระราชทาน
๑. สำหรับพระราชทานแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ ๑ และได้มีอุปการคุณช่วยเหลือกิจการลูกเสืออย่างต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชทานเหรียญสดุดีชั้นที่ ๑
๒. เมื่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า ผู้ใดสมควรได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานต่อไป
๓. พระราชทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อผู้ได้รับพระราชทานวายชนม์ ให้ทายาทโดยชอบธรรมรักษาไว้เป็นที่ระลึก