
วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๙ เวลา ๑๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จ พระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งกาญจนาภิเษกท้องสนามหลวง เมื่อทรงศีลจบแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีบวงสรวง ทรงแปรพระพักตร์สู่ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ บวงสรวงสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตจากนั้น ประทับ ณ มุขพระที่นั่งด้านทิศตะวันออกพระราชครูพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขพระที่นั่งด้านทิศเหนือประทับพระแท่นราชอาสน์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ชาวพนักงานประโคมมโหระทึก สังข์แตร ทหารกองเกียรติยศ ๓ เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ ๒๑ นัด พระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรเจริญชัยมงคลคาถา วัดทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังพร้อมกับการประกอบพิธีกรรมของศาสนาอื่น
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา ทรงเปิดเละเปิดกรวยกระทงดอกไม้เป็นการถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายชัยมงคลตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบเป็นอันเสร็จพระราชพิธี
กระแสพระราชดำรัสตอนหนึ่งมีความว่า
“...ในโอกาสพิเศษนี้ ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทั้งหลายในมหาสมาคมนี้ ตลอดจนประชาชนชาวไทยทั่วหน้า ได้ตั้งความคิดจิตใจให้แน่วแน่ หนักแน่นอยู่ในความสัจสุจริต และความขยันหมั่นเพียร ความเพียรที่ถูกต้องเป็นธรรมและพึงประสงค์นั้น คือ ความเพียรที่จะกำจัดความเสื่อมให้หมดไป และระวังมิให้เกิดขึ้นใหม่ อย่างหนึ่ง กับความเพียรที่จะสร้างสรรค์ความดีความเจริญให้เกิดขึ้น และระวังรักษามิให้เสื่อมสิ้นไป อย่างหนึ่ง ความเพียรทั้งสองประการนี้เป็นอุปการะอย่างสำกัญแก่การปฏิบัติตนปฏิบัติงานถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตนตั้งใจอยู่ในความเพียรดังกล่าว ประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อม ทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม ประเทศชาติของเราก็จะสามารถรักษาความเป็นปรกติมั่นคงพร้อมกับพัฒนาให้เจริญรุดหน้าไปได้ดังปรารถนา...”