
หลังจากจับผึ้งโพรงจากธรรมชาติมาเลี้ยงแล้วก็ต้องหมั่นตรวจสอบสภาพภายในรังสัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้ง ดังนี้
๑. ตรวจดูการวางไข่ของนางพญาว่าปกติดีหรือไม่ สม่ำเสมอเพียงใด
๒. ตรวจดูอาหารภายในรัง ถ้าขาดน้ำหวานหรือเกสรควรให้น้ำเชื่อมหรือเกสรเทียม (แป้งถั่วเหลือง) แก่ผึ้งที่จับมาเลี้ยง เพราะถ้าผึ้งขาดอาหารมันจะหนีรังทันที
๓. ถ้าในรังมีปริมาณผึ้งมาก ควรเสริมคอนติดแผ่นรังเทียมและให้น้ำเชื่อมเพื่อให้ผึ้งสร้างหลอดรังเพิ่มขึ้น
๔. ตรวจดูหลอดรวงนางพญาที่เกิดตามธรรมชาติ ถ้าพบให้รีบทำลายเพื่อป้องกันผึ้งแยกรัง เพราะผึ้งโพรงไทยมีพฤติกรรมแยกรังง่ายกว่าผึ้งโพรงฝรั่ง
ศัตรูของผึ้งส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ต่างๆ เช่น คางคก จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งก่า มด และนก ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการกำจัดศัตรูเหล่านั้น และถากถางบริเวณที่ตั้งรังให้สะอาด ไม่ให้มีวัชพืชปกคลุม ใช้ผ้าชุบน้ำมันพันรอบขาตั้งหีบเลี้ยงผึ้งกันมด ศัตรูของผึ้งที่เป็นอันตรายมากก็คือยาฆ่าแมลง อาจทำให้ผึ้งตายหมดรังได้ ป้องกันโดยย้ายหีบเลี้ยงผึ้งไปตั้งไว้ที่อื่นชั่วคราว
การจัดให้ผึ้งโพรงไทยเก็บน้ำผึ้ง สามารถนำหลักการของผึ้งโพรงฝรั่งมาใช้ได้ เช่น การนำผึ้งโพรงไปเก็บน้ำผึ้งในสวนผลไม้ อาทิเช่น ในสวนเงาะ สวนลิ้นจี่ สวนลำไย และสวนมะพร้าวในฤดูดอกไม้บาน เป็นต้น หลักในการคัดเลือกรังผึ้ง จะต้องเป็นรังผึ้งที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
๑. มีผึ้งนางพญาที่มีอายุน้อย มีประสิทธิภาพการวางไข่สูง และอายุการวางไข่นาน
๒. มีผึ้งงานที่ขยันหาอาหารทั้งน้ำหวานและเกสร
๓. มีผึ้งที่ไม่ดุ
๔. มีผึ้งที่ปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมได้ดีไม่หนีรังง่าย
๕. มีผึ้งที่มีความต้านทานต่อโรคและศัตรูได้ดี