วิธีนี้คนไทยมักเรียกสั้นๆ ว่า "เอาน้ำออกข้างนอก" หรือ "ระวัง" ซึ่งตรงกับที่ชาวอังกฤษเรียกกันว่า "taking care" หรือ "being careful" เป็นวิธีคุมกำเนิดที่เก่ามากวิธีหนึ่งที่ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน วิธีนี้หมายถึง การที่ฝ่ายชายเอาอวัยวะเพศออกจากช่องคลอด ก่อนที่จะมีการหลั่งน้ำอสุจิ
หลักปฏิบัติของวิธีนี้ คือ เมื่อมีการร่วมเพศจนฝ่ายชายรู้สึกว่าใกล้จะมีความรู้สึกถึงขีดสุด ซึ่งจะมีการหลั่งน้ำอสุจิ (ejaculation) ให้ฝ่ายชายรีบเอาอวัยวะเพศออกจากช่องคลอด และให้มีการหลั่งน้ำอสุจิภายนอกโดยระวังมิให้น้ำอสุจิเปื้อนบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของฝ่ายหญิง
วิธีนี้มีผู้กล่าวเสมอว่า มีโอกาสพลาดได้มาก(แต่ยังไม่มีสถิติยืนยันแน่นอน) ซึ่งอาจเกิดจาก
๑. ระหว่างที่มีการตื่นตัวทางเพศ ก่อนที่จะมีการหลั่งน้ำอสุจิ มักจะมีมูกเยิ้มออกมาที่บริเวณช่องปัสสาวะ มูกนี้อาจจะมีตัวอสุจิเล็ดลอดออกมาด้วยเป็นจำนวนมากพอสำหรับการปฏิสนธิ
๒. ฝ่ายชายอาจเริ่มถอนอวัยวะเพศออกช้าไปโดยน้ำอสุจิบางส่วนผ่านเข้าช่องคลอดไปแล้ว
๓. แม้จะมีการหลั่งน้ำอสุจิภายนอก หากน้ำอสุจิเปื้อนบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของฝ่ายหญิงตัวอสุจิอาจว่ายจากบริเวณนั้นเข้าช่องคลอดได้
ผู้ที่อาจจะเหมาะสำหรับวิธีนี้ คือ
๑. ฝ่ายชายไม่มีการหลั่งน้ำอสุจิเร็วผิดปกติ (premature ejaculation)
๒. ฝ่ายหญิงมีความรู้สึกถึงจุดสุดยอดได้ไม่ยาก
๓. สามีและภรรยามีความเคยชินกับปฏิกิริยาโต้ตอบของตนและคู่ของตน และสามีสามารถควบคุมการหลั่งน้ำอสุจิได้ดี
๔. มีอารมณ์มั่นคง ไม่กังวลหรือกลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจ
ข้อดีของวิธีหลั่งน้ำอสุจิออกภายนอก
๑. เป็นวิธีที่พร้อมจะใช้ได้เสมอ
๒. ไม่ต้องการเครื่องมือหรือเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ข้อเสียหรืออันตรายของวิธีหลั่งน้ำอสุจิออกภายนอก
มีผู้อ้างถึงข้อเสียหรืออันตรายของวิธีนี้หลายอย่าง คือ
๑. อาจทำให้ผู้ใช้กลายเป็นโรคประสาทเนื่องจากเหตุต่อไปนี้
ก. มีความกังวล โดยกลัวว่าจะเอาอวัยวะเพศชายออกไม่ทัน
ข. ฝ่ายชายต้องบังคับตนเองให้ทำในสิ่งที่ตนไม่อยากจะทำ (การเอาอวัยวะเพศออกก่อน)
ค. ฝ่ายหญิงมีโอกาสถึงจุดสุดยอดน้อยลง
๒. อาจทำให้ต่อมลูกหมากโต เนื่องจากการคั่งของเลือดในอวัยวะของอุ้งเชิงกราน
อย่างไรก็ดี การอ้างต่างๆ นี้มักไม่มีสถิติประกอบแน่นอน เรื่องนี้ยังต้องการการศึกษาต่อไป