เฉลิมพระยศเจ้านาย
เฉลิมพระยศเจ้านาย, เฉลิมพระยศเจ้านาย หมายถึง, เฉลิมพระยศเจ้านาย คือ, เฉลิมพระยศเจ้านาย ความหมาย, เฉลิมพระยศเจ้านาย คืออะไร
การเฉลิมพระยศเจ้านายในรัชกาลปัจจุบันเริ่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๔๙๓ ซึ่งเป็นระยะเวลา ๔ ปี นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙
ระยะเวลา ๔ ปีนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยที่สมาพันธรัฐสวิส และเสด็จกลับมาถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบรมเชษฐาธิราชเมื่อเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ และมีพระราชประสงค์ที่จะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามพระราชประเพณี การเฉลิมพระยศเจ้านายจึงมีขึ้นภายหลังเดือนมีนาคม ดังนี้
วันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร แล้วมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ตามพระราชประเพณี ดังนั้นจึงทรงสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระอัครมเหสี ให้มีพระเกียรติสูงขึ้น โดยเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
อีก ๓ วันต่อมา มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระยศเจ้านายโดยเลื่อนกรมเจ้านายซึ่งดำรงพระยศอยู่แล้วในรัชกาลก่อน ๑ พระองค์ ทรงสถาปนาพระองค์เจ้าให้ทรงกรมเป็นพระองค์แรกในรัชกาลปัจจุบัน๑ พระองค์ และเลื่อนชั้นหม่อมเจ้าเป็นพระองค์เจ้า ๒ พระองค์ มีรายละเอียดดังนี้
วันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลื่อนกรม พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร ขึ้นเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สถาปนา พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต ขึ้นเป็น พระองค์เจ้าต่างกรม มีคำนำหน้าพระนามตาบที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่าพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยยันต์ ขึ้นเป็น พระองค์เจ้า มีคำนำหน้าพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา หม่อมเจ้านักขัตรมงคลกิติยากร ขึ้นเป็น พระองค์เจ้า มีคำนำหน้าพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล
เวลาผ่านไป ๒ ปี จึงมีพระราชพิธีเฉลิม พระยศเจ้านาย โดยเลื่อนกรม ๑ พระองค์ และทรงกรม อีก ๔ พระองค์ ดังนี้
วันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเลื่อนกรม พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงศ์บริพัตร ขึ้นเป็น พระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่าพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิต
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ขึ้นเป็น พระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่าพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอลงกต ขึ้นเป็น พระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดิศอุดมศักดิ์
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล ขึ้นเป็น พระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ
เวลาผ่านไปอีก ๔ ปี จึงมีการเฉลิมพระยศ เจ้านายขึ้น เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
การเฉลิมพระนามาภิไธยครั้งนี้ เนื่องจากทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช
วันที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาสมณศักดิ์และฐูานันดรศักดิ์ พระราชวงศ์แด่ สมเด็จพระราชอุปัชฌาจารย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และประกอบพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยได้เปลี่ยนเศวตฉัตร ๓ ชั้นเป็นฉัตรตาดสีทอง ๕ ชั้น สำหรับฐานันดรศักดิ์สมเด็จฯ กรมหลวง
เป็นเวลายาวนานถึง ๑๔ ปี จึงมีการเฉลิมพระยศเจ้านายขึ้น เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายนพุทธศักราช ๒๕๑๓
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ เป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมราชชนนีศรีสังวาลย์ เป็น สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เวลาผ่านไปอีก ๒ ปี ได้มีการเฉลิมพระยศเจ้านายเพียง ๑ พระองค์ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
อีก ๕ ปีต่อมา จึงมีการเฉลิมพระยศเจ้านายขึ้นอีก ๓ พระองค์ ดังนี้
วันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๐
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายา
วันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๐
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา หม่อมเจ้าวิภาวดี รังสิตขึ้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เนื่องจากทรงรับราชการเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในการพัฒนาชนบท จนถึงชีพิตักษัยในระหว่างปฏิบัติราชการในชนบท
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงได้รับการสถาปนาพระยศ เมื่อถึงชีพิตักษัยแล้ว เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
วันที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๕
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศสถาปนาพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ของพระโอรสพระธิดา ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทุกพระองค์
เวลาผ่านไปอีก ๙ ปี จึงมีการเฉลิมพระยศเจ้านายขึ้นอีก ๑ พระองค์ เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ
อีก ๓ ปีต่อมา มีการเฉลิมพระยศเจ้านายอีก ๑ พระองค์ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธ์ เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ซึ่งทรงได้รับการสถาปนาภายหลังถึงชีพิตักษัยแล้ว
วันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชสมบัติปีที่ ๕๐
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๓๙ ตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชสมบัติเป็นปีที่ ๕๑
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
การเฉลิมพระปรมาภิไธยอีกครั้งหนึ่งนี้ มีผู้ไม่ทราบพระราชประเพณีสงสัยว่า ได้มีการประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย เมื่อเดือนสิงหาคมพุทธศักราช ๒๔๘๙ ซึ่งผ่านไปแล้วเป็นเวลา ๕๐ ปี เหตุใดจึงต้องมีพระบรมราชโองการประกาศซ้ำ
การเฉลิมพระปรมาภิไธยครั้งแรกนั้น ต้องทำเพื่อถวายพระเกียรติพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ที่ยังมิได้ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกเป็นกรณีซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นพระราชพิธีซึ่งทำโดยย่อ
พระมหากษัตริย์ซึ่งยังมิได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกนั้น การออกพระนามก็จะใช้คำว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ไม่มีคำว่าพระบาทสมเด็จ” การถวายเศวตฉัตรก็ถวายได้เพียงฉัตร ๗ ชั้น ไม่ได้ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตร ๙ ชั้น)
การถวายพระปรมาภิไธยในครั้งนั้น ออกพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย” แล้วจัดนพปฎลมหาเศวตฉัตรกางกั้นถวายที่พระบรมโกศ
การเฉลิมพระปรมาภิไธยในครั้งนี้ จึงไม่สมบูรณ์ตามราชประเพณีในอดีต
ตามแบบแผนซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางระเบียบไว้ และปฏิบัติต่อมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีดังนี้
๑. เริ่มด้วย “พระปรมินทร” หรือ “พระปรเมนทร” แสดงถึงเลขคี่หรือเลขคู่ ในรัชกาลของพระองค์ให้เขียนว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร”
๒. ตามด้วยพระนามเดิมก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ สมมติเทพธพงศ์
๓. ตามด้วยข้อความอธิบายถึงพระคุณลักษณะพิเศษเป็นข้อความยาว ตามแบบแผนของการถวายพระปรมาภิไธย ซึ่งมีมาในอดีต
๔. ลงท้ายด้วยพระนามแผ่นดิน ซึ่งราษฎรจะกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ว่า พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่ราษฎรกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ว่า แผ่นดินต้น แผ่นดินกลางหรือออกพระนามเดิมโดยไม่บังควรด้วยเหตุผลดังกล่าวมาแล้ว จึงสมควรที่จะเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ให้สมบูรณ์ตามแบบแผนราชประเพณี
ในศุภมงคลซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงครองราชย์มาถึงปีที่ ๕๐ และได้ทรงประกอบพระราชพิธีกาญจนาภิเษก อันเป็นมงคลยิ่ง คณะรัฐมนตรีจึงได้มีฉันทานุมัติให้นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในความจงรักภักดีของพสกนิกร ที่ยังคำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก และเคารพของอเนกนิกรชนเสมอมา สมควรที่จะได้สนองพระเดชพระคุณถวายพระเกียรติยศให้ปรากฏไพศาลยิ่งขึ้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปีติโสมนัส ด้วยมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถวายพระนาม พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ให้สมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณีที่ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดังนั้น จึงประกาศพระบรมราชโองการเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ดังมีความโดยละเอียดในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับทะเบียนฐานันดรเล่ม ๑๑๓ ตอนที่ ๑๑ ข. วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙
ส่วนการที่จะกล่าวถึงพระองค์ในภายหน้าได้วางระเบียบไว้ดังนี้
๑. เมื่อกล่าวถึงอย่างเต็มที่ ให้ใช้ตามที่ประกาศเฉลิมพระปรมาภพไธย ในราชกิจจานุเบกษา
๒. เมื่อกล่าวถึงอย่างมัธยม ให้ใช้ว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลสกลไพศาล มหารัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร”
๓. เมื่อกล่าวถึงอย่างสังเขปให้ออกพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระอัฐมรามาธิบดินทร”
เฉลิมพระยศเจ้านาย, เฉลิมพระยศเจ้านาย หมายถึง, เฉลิมพระยศเจ้านาย คือ, เฉลิมพระยศเจ้านาย ความหมาย, เฉลิมพระยศเจ้านาย คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!