ขณะนี้โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของสภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นเขตแดนบุกเบิกของคริสต์ ศตวรรษที่ ๒๑ เราจะพบว่า ประกอบด้วยถนนอิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) ซึ่งมีทั้งนิวส์กรุ๊ป (Newsgroup) เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) และบริการสารสนเทศต่างๆ รวมถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเอกชนอีกมากมายคำว่า ทางด่วนสารสนเทศ นั้นมักใช้อ้างถึงระบบเชื่อมโยงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุมทั่วโลกในปัจจุบัน บางครั้งก็มีการใช้คำว่า โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศของประเทศ (National Infor-mation Infrastructure) บางครั้งสื่อมวลชนก็ใช้คำว่า ไซเบอร์สเปซ (cyberspace) ในเขตแดนใหม่ที่กล่าวถึงนี้ มีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมที่เราเคยรู้จักอยู่ทั้งในด้านบันเทิงการศึกษา ธุรกิจ ฯลฯ และมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาอีกหลายอย่างที่จะต้องมีการแก้ไขกันต่อไป เช่นในเรื่องการละเมิดกฎหมาย หรืออาชญากรรมที่กระทำผ่านไซเบอร์สเปซ
ในอนาคต กิจกรรมในชีวิตประจำวันแทบทุกอย่างของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในสังคมสมัยใหม่จะเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และการประยุกต์ใช้วิชาการหุ่นยนต์ (robotics)ที่ว่าด้วยการใช้หุ่นยนต์ที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งทำงานโต้ตอบกันเป็นภาษาพูดของมนุษย์ (human language interaction) การที่ต้องเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ หรือวิธีการใช้คอมพิวเตอร์ที่ยุ่งยากซับซ้อนนั้นจะหมดไป รายการของงานที่คาดว่าจะมีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมากได้แก่
๑. งานประยุกต์ที่อาศัยความจริงเสมือน(virtual reality applications)
- เกม (games)
- นาโนเทคโนโลยี (nanotechnology)ที่ใช้สร้างเครื่องจักรขนาดจิ๋วระดับโมเลกุลของสสาร
- เครื่องมือฝึกอบรม (training tools)
- กองทัพ (military)
- การแพทย์ (medical)
๒. การเรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์ (computer assisted learning)
- การเรียนทางไกล (distance learning)
- การเรียนโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วย(technology aided learning)
๓. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce; E-commerce)
- เงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic money;E-money)
- ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Data Interchange - EDI)
๔. หุ่นยนต์ใช้ในบ้าน (household robots)คนรับใช้ไซเบอร์ (cybermaid) รถยนต์ที่ไม่ต้องใช้คนขับ (driverless cars)
๕. การเข้าใจภาษามนุษย์ (natural language understanding) การรับรู้คำพูด (speech recognition)
๖. โทรศัพท์ภาพ (videophone) การประชุมทางไกล (video conference) สำนักงานแบบเสมือน (virual office) โทรเวช (telemedicine)
๗. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail) ไปรษณีย์เสียง (audio mail) ไปรษณีย์ภาพ(video mail) การแพร่ข่าวบนเว็บ (web multicast)การกระจายข่าวบนเว็บ (web broadcast)
๘. ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic library) ห้องสมุดแบบเสมือน (virtual library)วิดีโอตามความต้องการ (video on demand-vod)
๙. โทรทัศน์แบบมีการโต้ตอบ (interactiveTV) การร่วมงานอิเล็กทรอนิกส์ (electronic work collaboration)
๑๐. ฐานข้อมูลแห่งชาติ (national database)การลงคะแนนเลือกตั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์ (elec-tronic voting) การหยั่งเสียงระบบอิเล็กทรอนิกส์(electronic polling)
๑๑. ซอฟต์แวร์เอเยนต์ (ที่ทำงานแทนคน)ในทางด่วนสารสนเทศ (software agents on information superhighway)
๑๒. คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้ (wearable computers) เน็ตเวิร์กคอมพิวเตอร์ (network computer) เน็ตเวิร์กพีซี (network PC) เว็บทีวี (webTV)
๑๓. การพิมพ์แบบซอฟต์ก๊อบปี้ (softcopy pubications) แค็ตตาล็อกสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic catalogs) บัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (E-greeting cards) ข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (E-news) การโฆษณาบนเว็บ (web advertising)
เมื่อทางด่วนสารสนเทศครอบคลุมแพร่หลายไปในที่ต่างๆ ในช่วงสิบปีแรกของคริสต์-ศตวรรษที่ ๒๑ เราคงคาดได้ว่า การเข้าถึงสารสนเทศทั้งหลายในห้องสมุดขนาดใหญ่จะสามารถทำได้โดยตรงจากที่บ้าน คือ มีห้องสมุดอิเล็ก-ทรอกนิกส์ (electronic library) อยู่ในบ้านเลยทำให้ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปค้นเอกสารหรือหนังสือที่ห้องสมุด ซึ่งอาจอยู่ห่างกันคนละทวีปการยืมหนังสือหรือสำเนาของเอกสารก็สามารถทำได้โดยตรง โดยจะเป็นสำเนาอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาดิจิทัล (digital copy) หนังสือพิมพ์และวารสารต่างๆก็จะอยู่ในรูปดิจิทัลมากขึ้น แม้ในปัจจุบันก็เริ่มมีหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่นThe Los Angeles Times ผลิตหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับ รวมทั้งโฆษณาให้อ่านได้ฟรีในอินเทอร์เน็ตและจากเดิมที่สิ่งพิมพ์จะมีแต่อักษรและภาพ ก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบมัลติมีเดีย (multimedia)คือมีหลายสื่อรวมกัน ทั้งอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง อีกทั้งสามารถโต้ตอบกับผู้อ่านได้ในหลายกรณี สื่อมัลติมีเดียนี้จะบรรจุในซีดีรอม (CD-ROM) เพื่อให้ใช้ได้ในแบบที่ไม่ต้องการอาศัยเครือข่ายคอมพิวเตอร์อีกด้วย
การส่งข่าวสารถึงกันระหว่างบุคคลสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รูปแบบของข้อมูลนี้มีทั้งที่เป็นอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง คือ เป็นได้ทั้งไปรษณีย์เสียง (audio mail) และไปรษณีย์ภาพ (video mail)นอกจากนี้ การสั่งพิมพ์ข้อความในจดหมายก็อาจทำได้ด้วยการบอกให้จด (dictaion) คือ พูดให้คอมพิวเตอร์แปลงคำพูดออกมาเป็นตัวอักษรความสามารถในการรับรู้คำพูดภาษามนุษย์ (speech recognition) นี้จะทำให้ง่ายที่จะโต้ตอบกับคอม-พิวเตอร์เป็นภาษาพูดโดยตรง แทนที่จะต้องสั่งผ่านแป้นพิมพ์ หรือเลือกคำสั่งจากหน้าจอเหมือนในปัจจุบัน ผลดีอีกอย่างที่เด่นชัดคือ คอมพิวเตอร์จะช่วยคนพิการในด้านการมองเห็น การพูด หรือการรับฟัง การที่มีผู้ช่วยอิเล็กทรอนิกส์จะทำให้สามารถโต้ตอบกับผู้อื่นได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น
ในอนาคต ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ต้องใช้เงินกระดาษ เพราะส่วนใหญ่จะซื้อของผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic payment) การโอนเงินในธนาคารก็จะทำผ่านระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer) แม้แต่การซื้อของผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็สามารถใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-money) เช่นเดียวกับการซื้อของตามห้างร้านต่างๆ ซึ่งบัตรที่บรรจุข้อมูลจำนวนเงินและคำผ่านสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นก็คือ บัตรสมาร์ต (Smart card) แบบที่เริ่มมีใช้กันอยู่บ้างแล้วในขณะนี้ นอกจากนั้น การประสานงานการเงินของบริษัทห้างร้านและธนาคารก็จะใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange - EDI) ซึ่งเป็นวิธีการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจในส่วนของการสั่งซื้อ การแจ้งหนี้และการชำระเงิน ให้สามารถผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารกระดาษส่งไปมาระหว่างกันอีก วิธีนี้ทำให้ธุรกิจเป็นการติดต่อกันโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน ตัวอย่างเช่น เมื่อสินค้าคงคลังของร้านค้าน้อยลงกว่ากำหนด คอมพิวเตอร์ของร้านค้าก็อาจส่งคำสั่งซื้อ โดยอัตโนมัติไปยังคอม-พิวเตอร์ของบริษัทผู้ขายส่งสินค้านั้น บริษัทผู้ขายก็จะมีคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ของโกดังเก็บสินค้าส่งของไปให้ร้านค้าที่สั่งซื้อมา พร้อมกับส่งใบแจ้ง
หนี้ไปให้คอมพิวเตอร์ของร้านค้านั้น เมื่อได้รับสินค้าแล้ว คอมพิวเตอร์ของร้านค้าก็จะสั่งให้คอมพิวเตอร์ของธนาคารสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของตนแก่คอมพิวเตอร์ของบริษัทขายส่ง ดังนี้จะเห็นว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ที่เคยต้องใช้เอกสารกระดาษและคนจำนวนมาก ก็จะกลายเป็นงานอัตโนมัติที่คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเองได้ระหว่างหน่วยงานซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และตัดปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดหรือความล่าช้าในแบบเก่าไปได้มาก
วิธีการเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างมาก คือจะเน้นตัวผู้เรียนเป็นหลัก แทนการเน้นตัวผู้สอนที่สอนนักเรียนจำนวนมากพร้อมกันทั้งห้อง ซึ่งเป็นวิธีที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อประมาณสองศตวรรษก่อน วิธีการเรียนในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ นี้จะเป็นการเรียนรู้แบบสร้างประสบการณ์โดยเน้นให้นักเรียนค้นพบด้วยตัวเอง (learning by discovery) เป็นการศึกษาที่นักเรียนจะเรียนรู้ว่าจะเรียนรู้เองต่อไปได้อย่างไร (learning how to learn) ที่เป็นดังนี้ได้ เพราะเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทำงานมัลติมีเดียจะทำให้เราสามารถกลับไปใช้ระบบที่ครูทำหน้าที่สำคัญในการสอน และชี้นำนักเรียนเป็นรายบุคคล คอมพิวเตอร์จะช่วยให้ครูไม่ต้องทำงานซ้ำๆกันในการสอนกิจกรรม อย่างง่าย และสามารถใช้เวลามากขึ้นกับนักเรียนที่ต้องการความเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ การศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี (technology aided education)มีข้อได้เปรียบหลายประการคือ
- การเรียนรู้เป็นแบบโต้ตอบกัน
- นักเรียนจะเรียนรู้ได้ในอัตราความเร็วที่เหมาะสมกับตนเอง
- การเรียนรู้จะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ โดยผ่านระบบการเรียนทางไกล (distance learning) ที่ต่อโยงผู้เรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์มัลติมีเดียไปยังศูนย์การศึกษา
- อุปกรณ์ประกอบการเรียนจะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เพราะจะมีทั้งอักษร ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว และเสียง และการต่อโยงของเนื้อหาในแบบไฮเปอร์มีเดีย (hypermedia) ซึ่งช่วยให้นักเรียนสามารถถามถึงสิ่งที่ตนสนใจต่อโยงกันไปได้เรื่อยๆโดยไม่ถูกจำกัดให้เห็นเฉพาะส่วนที่กำหนดไว้
วิธีการเรียนรู้เช่นนี้จะมีใช้ในทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา รวมทั้งระดับการฝึกอบรมวิชาชีพต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้ วิธีการสอนเช่นนี้ก็ทำให้สามารถรวมเนื้อหาของวิชาที่เกี่ยวเนื่องกัน(content integration) ให้สามารถสอนไปพร้อมกันเช่น สามารถสอนเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ วิชาการเงิน และวิชาจริยธรรม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกันไปพร้อมกัน แทนที่จะต้องสอนแยกกันเป็น ๓วิชา ซึ่งจะทำให้เข้าใจยาก เช่น การประยุกต์ใช้งานเนื้อหาส่วนที่เป็นเรื่องของจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำงานด้านการเงิน เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีหลายกรณีที่สามารถทำการทดสอบผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังศูนย์การศึกษา ซึ่งสะดวกต่อการวัดผลการเรียน และการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของการศึกษาในระบบการสอบด้วยคอมพิวเตอร์แบบมาตรฐาน (computerbased uniform testing) นักศึกษาที่เรียนรู้ได้ช้าก็สามารถเรียนต่อเนื่องไปได้โดยใช้เวลามากขึ้นขณะที่นักเรียนที่เรียนรู้ได้เร็ว ก็สามารถก้าวหน้าไปได้เร็วขึ้น แทนที่จะต้องรอขึ้นชั้นใหม่พร้อมกันทุกคน การสอบก็สามารถทำได้เมื่อนักศึกษาพร้อมที่จะสอบ โดยตัวข้อสอบจะถูกสร้างขึ้นใหม่สำหรับนักศึกษาแต่ละคน เป็นการตัดปัญหาการทุจริตหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในห้องสอบ