การผลิตยางแท่งทำได้ง่ายและเร็วกว่าการทำยางแผ่นรมควันหรือยางเครพมาก หลักสำคัญของกรรมวิธีที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือ แทนที่จะทำเป็นแผ่นใหญ่ ๆ ได้เปลี่ยนเป็นย่อยยางให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เสียก่อน การรมควันใช้ความร้อนเพียง ๖๐ องศาเซลเซียส ใช้เวลา ๕-๑๐ วัน เปลี่ยนเป็นอบความร้อนให้แห้งด้วยความร้อน ๑๐๐-๑๑๐ องศาเซลเซียส แล้วจึงอัดเป็นแท่ง ใช้เวลาเพียง ๔-๕ ชั่วโมงก็เสร็จ ตามกรรมวิธีเป็นขั้น ๆ ต่อไปนี้
๑. เมื่อได้น้ำยางสดมาจากสวนและกรองให้สะอาดแล้ว จะใส่น้ำกรดฟอร์มิกเพื่อให้ยางแข็งตัว การทำยางแข็งตัว อาจจะลดน้ำกรดและใช้น้ำตาล ๐.๐๔% ของเนื้อยางแห้งช่วยด้วย หรือใช้น้ำตาลอย่างเดียว ๐.๐๕% ของเนื้อยางแห้งก็ได้ เพื่อประโยชน์ในทางคุณสมบัติของยาง และเพื่อให้ยางจับตัวเป็นก้อนไม่แน่นเกินไป จะมีรูเล็ก ๆ พรุนอยู่ทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้ยางแห้งเร็วขึ้นเมื่ออบความร้อน
๒. ยางจะแข็งตัวภายในเวลา ๒ - ๓ ชั่วโมง นำเข้าเครื่องย่อยเพื่อฉีกหรือตัดยางออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบน ๆ ชิ้นหนึ่งจะมีขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย เครื่องย่อยดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น กรานูเลเทอร์ (granulator) หรือ โรทารีคัตเทอร์ (rotary cutter) หรือใช้ย่อยยางที่แข็งตัวมานานแล้ว ซึ่งมีความเหนียวมากกว่ายางที่แข็งตัวใหม่ ๆ ยางที่แข็งตัวมานานแล้ว ใช้ทำยางแท่งได้ทำนองเดียวกับยางที่ได้มาจากสวนใหม่ ๆ โดยใช้เครื่องย่อยที่ทำงานหนัก เช่น เครื่องย่อยที่เรียกว่า แฮมเมอร์มิลล์ (hammermill) ก็ได้ หรือถ้าย่อยโดยผ่านเครื่องย่อยดังกล่าวข้างต้นแล้ว เช่น ผ่านเครื่องใดเครื่องหนึ่งใน ๒ เครื่องแรกแล้ว ต้องการย่อยให้เล็กลงอีก ขนาดเม็ดเท่าหัวไม้ขีดไฟ จะผ่านเครื่องย่อยที่เรียกว่า เพลลิทิเซอร์ (peletiser) อีกครั้งหนึ่งก็ได้
๓. ยางที่ถูกย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนี้ จะไหลลงกระบะขอบสูง ๆ คล้ายกล่อง ทำด้วยโลหะ หรือจะปล่อยลงในน้ำเพื่อล้างอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงกอบใส่กระบะก็ได้ กระบะหนึ่ง ๆ ใส่ยางย่อยไม่เกินครึ่งกระบะ มีน้ำหนักยางกระบะละประมาณ ๓๔-๓๕ กิโลกรัม แล้วจึงนำกระบะดังกล่าวนี้เข้าอบความร้อนในเตาอบ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายอุโมงค์ กว้างประมาณ ๒ เมตร สูง ๑ เมตร และยาวประมาณ ๘-๙ เมตร มีประตูปิดเปิดได้ทั้งทางหัวทางท้ายของความยาว ทุก ๆ กระบะจะเข้าทางต้น ทางแล้วจะออกอีกทางหนึ่ง จะอยู่ในเตาอบซึ่งมีความร้อนระหว่าง ๑๐๐-๑๑๐ องศาเซลเซียส เป็นเวลา ๓ ๑๒ - ๔ ๑
๒ ชั่วโมง จะสุกเร็วหรือช้าเพียงใดแล้วแต่ชนิดของยาง ยางที่สุกแล้วจะเห็นเนื้อยางใสและมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ ไม่ขาวเหมือนเมื่อตอนจะเอาเข้าอบ
๔. เมื่อยางสุกแล้ว จะปล่อยให้เย็นลงเหลือประมาณ ๕๐ - ๖๐ องศาเซลเซียส พอจะหยิบยกเอามาชั่งได้ จะชั่งให้ได้ประมาณ ๓๔ กิโลกรัมหรือ ๗๕ ปอนด์ แล้วนำเข้าอัดเป็นแท่ง เป็นเวลา ๑ นาที ในเครื่องอัดซึ่งมีแรงอัด ๑๐๐ ตัน ยางย่อยจะถูกอัดเป็นแท่งคล้ายแผ่นอิฐ มีขนาด ๓๕.๕ x ๗๐ x ๑๖.๕ เซนติเมตร (๑๔ x ๒๘ x ๖ ๑๒ นิ้ว) แล้วจึงห่อด้วยถุงพลาสติกขนาดบาง ๐.๐๔ มิลลิเมตร ถ้าส่งต่างประเทศ จะบรรจุในลังไม้โปร่ง ขนาดวัดภายนอกได้ประมาณ ๑๒๒ x ๑๐๒ x ๑๑๒ เซนติเมตร (๔๘ x ๔๐ x ๔๔ นิ้ว) จะบรรจุได้ ๓๐ แท่ง เป็นจำนวนน้ำหนักประมาณ ๑ ตัน เกี่ยวกับขนาด ของแท่งยางก็ดี น้ำหนักยางก็ดี หรือลังโปร่งที่จะใช้บรรจุก็ดี อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเรื่องดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่กำหนดกันขึ้นเอง ยังมิได้ตกลงกันเป็นมาตรฐานสากลแน่นอน
๕. ยางที่จะส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ จะต้องส่งตัวอย่างไปยังสถาบันที่มีเครื่องตรวจลักษณะและคุณสมบัติของยาง เช่น ที่ศูนย์วิจัยการยาง อำเภอหาดใหญ่ หรือที่กองการยาง กรมวิชาการเกษตร เพื่อตรวจรับรองเสียก่อน จะได้แจ้งให้ผู้ซื้อทราบได้แน่นอนต่อไป
กรรมวิธีทำยางแท่งตามที่กล่าวมานี้ ในปัจจุบันนี้ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ยางทุกประเทศแล้ว เพื่อเป็นการสรุปการผลิตยางออกจำหน่ายจึงขอสรุปกรรมวิธีการผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และยางเครพจากยางที่แข็งตัวแล้ว ตามลำดับขั้นของการทำงานดังนี้
สรุปกรรมวิธีการผลิตยาง
ยางแท่งจากน้ำยางหรือยางที่แข็งตัวแล้ว
ยางแผ่นรมควัน
ยางเครพจากยางที่แข็งตัวแล้ว
๑. เก็บน้ำยางกรองรวมลงถังผสม
๒. ทำให้ยางแข็งตัว
๓. นำเข้าเครื่องย่อยอย่างหยาบและ/หรือเครื่องย่อยเม็ดเล็ก
๔. อบให้แห้ง (ใช้เวลา ๔-๕ ชั่วโมง)
๕. ชั่งและอัดให้เป็นแท่ง
๖. บรรจุลังโปร่ง
-
นำลงถังผสม
๒. ทำให้ยางแข็งตัว
๓. รีดให้เป็นแผ่น
๔. แช่น้ำ-ผึ่ง
๕. รมควัน (ใช้เวลา ๕–๑๐ วัน)
๖. คัดเลือกแยกชั้นยาง
๗. ชั่งและทำห่อ ๑. แยกขี้ยางและเศษยางนำลงแช่น้ำ
๒. นำเข้าเครื่องจักรล้างสิ่งสกปรกออก
๓. เข้าเครื่องรีดยางเครพ
๔. ผึ่งลมในร่ม (ใช้เวลา ๑๕–๓๐ วัน)
๕. คัดเลือกแยกชั้นยาง
๖. ชั่งและเข้าเครื่องอัดทำห่อ
-
(ดูเพิ่มเติม เรื่อง ผลิตผลป่าไม้)