เยาวชนผู้พิการมีอยู่ในสังคมของทุกประเทศตลอดมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่บริการทางการศึกษาพิเศษที่จะสนองความต้องการของเยาวชนเหล่านี้ที่เป็นพื้นฐานของการจัดการศึกษาพิเศษในปัจจุบันได้เกิดขึ้นในต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ โดยเริ่มมีการพัฒนากระบวนการที่มีประสิทธิภาพสอนเด็กตาบอดและหูหนวกและในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ ได้มีความพยายามจัดระบบการให้การศึกษากับเด็กปัญญาอ่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการจัดการศึกษาให้กับเด็กปัญญาอ่อน และเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์ในปัจจุบัน ในช่วงก่อนหน้านี้เรื่องที่สังคมทำได้ดีที่สุด คือให้ความคุ้มครองเยาวชนผู้พิการโดยจัดเป็นสถานที่พิเศษให้เด็กเหล่านี้มาอยู่รวมกัน เพื่อปกป้องเด็กจากความโหดร้ายของโลกมนุษย์ ในสถานที่เช่นนี้เด็กเหล่านี้ไม่สามารถจะดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีได้ ต่อมาในประเทศสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสได้มีความคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตย ความอิสระของบุคคลและความเชื่อที่ว่าคนทุกคนเกิดมามีสิทธิเท่าเทียมกัน ควรได้รับสิทธิและประโยชน์อันพึงได้เท่าเทียมกัน ความคิดเหล่านี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเจตคติ กล่าวคือ ได้มีการสนับสนุนให้สอนทักษะให้กับเด็กและผู้ใหญ่พิการ ให้เป็นคนที่สามารถดำรงชีวิตอิสระและเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการให้ศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์แก่บุคคลพิการที่ไม่เคยมีการปฏิบัติมาก่อน
ผู้ที่ริเริ่มการศึกษาพิเศษส่วนใหญ่เป็นแพทย์ในประเทศทางยุโรป เป็นคนหนุ่มสาวมีความทะเยอทะยานที่กล้าท้าทายความเชี่ยวชาญล้ำลึกของผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการที่เป็นเพื่อนและครูของเขาในขณะนั้น
อิทารด์ (Itard) (พ.ศ. ๒๓๑๘ - ๒๓๘๑) แพทย์ชาวฝรั่งเศส มีความเชี่ยวชาญทางโรคหู และการให้การศึกษาแก่นักเรียนหูหนวกเขาเป็นคนแรกที่พยายามสอนเด็กชายวิคเตอร์ (Victor) อายุ ๑๒ ปี ที่อาศัยอยู่ในป่าในประเทศฝรั่งเศสในต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เขาไม่สามารถช่วยให้วิคเตอร์หายพิการได้ เพียงแต่ช่วยให้วิคเตอร์มีพฤติกรรมที่เป็นมนุษย์มากขึ้นโดยใช้กระบวนการสอน เขาเป็นผู้ค้นคิดวิธีการปรับพฤติกรรม เป็นผู้สร้างระบบการศึกษาแบบการสอนพูดให้กับเด็กหูหนวก และทำให้มีผู้เชี่ยวชาญการฝึกพูดและฝึกฟังในเวลาต่อมา เขาเป็นบิดาแห่งการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กปัญญาอ่อนและร่างกายพิการด้วย
ชีกวิน (Sequin) (พ.ศ. ๒๓๕๕-๒๔๒๓) เป็นลูกศิษย์ของอิทารด์ ได้อพยพเข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๑ เป็นนักการศึกษาที่มีชื่อเสียงทั่วโลกในการให้การศึกษาแก่เด็กปัญญาอ่อน แม้ว่าในขณะนั้นเกือบทุกคนแน่ใจว่าไม่สามารถที่จะสอนอะไรที่สำคัญๆให้แก่เด็กปัญญาอ่อนได้ ชีกวินได้รับปริญญาทางการแพทย์ในปี พ.ศ. ๒๔๐๔ งานเขียนของเขาเป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้วิธีการของอิทารด์ซึ่งเป็นพื้นฐานให้กับงานของมอนเทสซอรี(Montessori) ในเวลาต่อมา
มอนเทสซอรี (Montessori) (พ.ศ. ๒๔๑๓-๒๔๙๕) เป็นผู้หญิงคนแรกในประเทศอิตาลีที่ได้รับปริญญาทางการแพทย์ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักการศึกษาสำหรับเด็กปัญญาอ่อนและยังเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมการให้การศึกษาสำหรับเด็กวัยก่อนประถมศึกษา และเด็กที่มีพัฒนาการในช่วงต้นๆ ของชีวิต เป็นผู้สานต่องานของอิทารด์
ในประเทศสหรัฐฯผู้ที่มีความสนใจในการให้การศึกษาแก่เด็กพิการ คือ ฮาว (Howe) (พ.ศ.๒๓๔๔-๒๔๑๙) ซึ่งเป็นทั้งแพทย์และนักการศึกษา เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดเปอร์กินส์ (Perkins) ในเมืองวอเตอร์ทาวน์ (Watertown) รัฐแมสซาชูเซต และเป็นครูสอนเด็กพิการซ้อนคือ หูหนวกและตาบอด ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสอน ลอร่า บริดจ์แมน(Laura Bridgman) ผู้ซึ่งทั้งหูหนวกและตาบอดความสำเร็จนี้ก็มีอิทธิพลต่อการศึกษาของเฮเลนเคลเลอร์ (Helen Keller) เป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ฮาวยังเป็นกำลังสำคัญในการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อทดลองสอนเด็กปัญญาอ่อนในแมสซาชูเซต ในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ และรู้จักกับชีกวินเป็นอย่างดี
กาลอเด็ต (Gallaudet) (พ.ศ. ๒๓๓๐-๒๓๙๔) เป็นบาทหลวง ได้พบเด็กหูหนวกคนหนึ่งและพยายามสอนเด็กคนนี้ขณะที่กาลอเด็ตเองยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่สถาบันสอนศาสนา ในปี พ.ศ. ๒๓๖๐ เขาได้จัดตั้งโรงเรียนประจำแห่งแรกสำหรับเด็กหูหนวกในเมืองฮาร์ตฟอร์ด (Hart-ford) มลรัฐคอนเนกติกัต ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีมหาวิทยาลัยกาลอเด็ต เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวที่รับนักศึกษาหูหนวกเข้าเรียนจนถึงระดับปริญญาเอกซึ่งตั้งชื่อโดยใช้ชื่อของกาลอเด็ตเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการศึกษาพิเศษทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ในโลก คือ ปิเอเจย์ (Piaget) นักจิตวิทยาพัฒนาการ และฟรอสติก (Frostig) นักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเวช และนักฟื้นฟูบำบัดที่เคยทำงานในประเทศออสเตรียและโปแลนด์ ได้อพยพเข้าไปอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ต่อมาได้รับการศึกษาด้านจิตวิทยาและได้ทำงานกับเด็กปัญญาอ่อน ยุวอาชญากรและเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ ทำให้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาการศึกษาพิเศษ โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวกับเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
สเทราสส์ (Strauss) เป็นนักประสาทวิทยาและเวอร์เนอร์ (Werner) นักจิตวิทยาพัฒนาการได้เริ่มโปรแกรมฝึกอบรมและดำเนินงานวิจัยในมลรัฐมิชิแกน ซึ่งมีอิทธิพลต่อการศึกษาพิเศษตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๔๗๓ จนถึงปัจจุบัน
ฮอบส์ (Hobbs) นักจิตวิทยาและนักการศึกษาที่มีชื่อเสียง รู้สึกประทับใจต่อการปฏิบัติอาชีพในบทบาทต่างๆ ของนักการศึกษาในยุโรป ในการดูแลและให้การศึกษาแก่เด็กที่มีปัญหาทางพฤติกรรม ก็ได้ริเริ่มโปรแกรมช่วยเด็กเหล่านี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ.๒๕๐๓ นับเป็นงานที่มีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาพิเศษสำหรับเด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ หมายถึง, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ คือ, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ ความหมาย, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ คืออะไร
ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ หมายถึง, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ คือ, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ ความหมาย, ประวัติความเป็นมาของการศึกษาพิเศษ คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!