ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ หมายถึง, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ คือ, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ ความหมาย, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์

          ดังได้กล่าวมาแล้วว่านักสัตวศาสตร์มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้แก่สัตว์ต่างๆทั้งนี้ก็เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ชื่อสามัญของสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งในแต่ละท้องถิ่นเรียกต่างกันออกไป นอกจากนั้นแต่ละท้องถิ่นหรือแต่ละประเทศยังตั้งชื่อสัตว์ตามภาษาของตน เช่น คนไทยเรียกนกชนิดหนึ่งตัวผู้สีดำคล้ายกาแต่เล็กกว่า ส่งเสียงร้อง"กาเว้า กาเว้า" ว่า นกดุเหว่า หรือ กาเหว่า แต่คนอังกฤษเรียกว่า "คีลเบิร์ด" (koel bird) และในประเทศอื่นๆ อาจจะเรียกชื่อที่ผิดแผกแตกต่างออกไปเป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เกิดการสับสนและไม่เป็นระเบียบ ยากแก่การศึกษานักวิทยาศาสตร์ในสาขาชีววิทยาจึงได้วางระเบียบแบบแผนเพื่อการตั้งชื่อสัตว์ต่างๆ ให้เป็นระบบสากลและด้วยความหวังให้ชนชาติเข้าใจว่าหมายถึงสัตว์ชนิดใด บุคคลที่น่าจะกล่าวถึง ณ ที่นี้คือ คาโรลัส ลินเนียส ท่านผู้นี้เป็นผู้ริเริ่มวางหลักเกณฑ์การตั้งชื่อพืชและสัตว์ขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๒๙๔ โดยนำเอาชื่อสกุล และชนิด มาตั้งชื่อสัตว์และพืช ระบบที่ลินเนียสตั้งขึ้นนี้ เรียกว่า "ระบบไบโนมินัล" (bino-minal system) หรือ "แบบไบโนมินัล โนเมนเคลเจอร์" (binominal nomenclature)
          ระบบการตั้งชื่อตามแบบของลินเนียสได้แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับจากนักชีววิทยามากขึ้น ภายหลังที่เขาพิมพ์หนังสือชื่อ System Naturae, 10th editionออกเผยแพร่ใน พ.ศ. ๒๓๐๑ (ค.ศ. ๑๗๕๘) เป็นต้นมา
          ตัวอย่างการตั้งชื่อ "ระบบไบโนมินัล" ของลิน-เนียส เช่น นกกางเขนบ้าน ซึ่งเราพบอยู่ทั่วๆ ไปในประเทศไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คอปไซคัสโซลาริส (ลินเนียส) [Copsychus saularis (Linnaeus),1758] คำแรกเป็นชื่อ "สกุล" ส่วนคำหลังเป็นชื่อ "ชนิด" สำหรับคำว่า "ลินเนียส" ในวงเล็บนั้นเป็นชื่อของผู้ตั้งชื่อนกชนิดนี้เป็นคนแรก เมื่อ ค.ศ. ๑๗๕๘หรือ พ.ศ. ๒๓๐๑
         ระบบไบโนมินัลของลินเนียสนั้น แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นที่ยอมรับกัน อย่างแพร่หลายก็ตาม แต่บางครั้งการตั้งชื่อสัตว์ไม่อาจปฏิบัติตามได้  ดังนั้นในบางแห่งผู้ศึกษาอาจจะพบว่าสัตว์บางชนิดมีชื่อวิทยาศาสตร์โดยใช้ชื่อ สกุล เพียงตัวเดียว เช่น ชื่อของ "ฟอสซิล"บางชนิดเป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัตว์เหล่านั้นได้สูญพันธุ์ไปเป็นเวลานานแล้ว และพบซากเพียงชนิดเดียว การตั้งชื่อโดยใช้ชื่อสกุลหรือกลุ่มอันดับที่สูงกว่าชนิดอย่างเดียวก็เป็นการเพียงพอแล้ว ระบบการตั้งชื่อ แบบหลังนี้เรียกกว่า "ระบบยูนิโนมินัล" (uninominal system)
          ในบางครั้งนักวิทยาศาสตร์ศึกษาพบว่า สัตว์ชนิดเดียวกันอาศัยอยู่ในประเทศหรือทวีปที่ห่างไกลกันมีลักษณะรูปร่างต่างกันเพียงเล็กน้อยจนไม่อาจจะแยกออกเป็นชนิดใหม่ได้ การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์แก่สัตว์นั้นๆ จึงนำชื่อ "สกุล" "ชนิด" และ "ชนิดย่อย" เข้ามารวมกัน วิธีการตั้งชื่อแบบนี้เรียกว่า การตั้งชื่อโดยใช้ "ระบบไทรโนมินัล" (trinominal system) ตัว-อย่าง เช่น อ้นใหญ่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ไรโซมิสซูมาเทรนซิส ซิเนอเรียส (Rhizomys sumatrensis cinere-us) เป็นต้น ในบางครั้งการตั้งชื่ออาจจะรวมเอาชนิดย่อยและหน่วยอื่นที่เล็กกว่าเข้าไปด้วย เช่นสกุล ชนิด พรรณ รูป และอื่นๆ อีก แล้วแต่ความเหมาะสม การตั้งชื่อแบบนี้เรียกว่า "ระบบโพลีโน-มินัล" (polynominal system) การตั้งชื่อแบบหลังนี้มักจะใช้กันในหมู่นักพฤกษศาสตร์ เช่น ชื่อหญ้าหางม้าชนิดหนึ่งมีชื่อว่า อีควิซีทัม พาลัสทรี อเมริกานาฟลูอินแทนส์ (Equisetum palustre uar.americana f.fluitans)เป็นต้น การตั้งชื่อแบบที่กล่าวมานี้  นักวิทยาศาสตร์ทางสัตวศาสตร์ไม่นิยมกระทำกันแพร่หลายนัก
          การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์สำหรับสัตว์ต่างๆ ประสบปัญหายุ่งยากในระยะต้นๆ เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์หลายๆ ชาติ ต่างมีเสรีภาพในการตั้งชื่อสัตว์ต่างๆแม้ว่าจะใช้ระบบไบโนมินัลของลินเนียสแบบเดียวกันแล้วก็ตาม ดังจะเห็นได้ว่าใน พ.ศ. ๒๓๘๕ สมาคมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของอังกฤษ (BritishAssociation for the Advancement  of Science) ได้ประกาศใช้ "หลักเกณฑ์ของสตริคแลนด์" (Stricklandian code)ขึ้น เวลาต่อมาในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีการตั้ง"หลักเกณฑ์ของดาลล์" (Dall's code) ขึ้นใน พ.ศ.๒๔๒๐ นอกจากนี้ประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันก็ได้ตั้งหลักเกณฑ์การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์สำหรับชาติตนขึ้นบ้างเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ในตอนคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ นักสัตวศาสตร์ทั้งหลายมีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะให้มีกฎสำหรับนานาชาติ (international rules) ขึ้นเพื่อการตั้งชื่อสัตว์โดยเฉพาะ จึงได้จัดให้มีการประชุมสภาสัตวศาสตร์สากล ครั้งที่ ๑ (First International Congressof  Zoology) ขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในพ.ศ. ๒๔๓๒ โดยมีศาสตราจารย์ราฟาเอล บลัง-ชาร์ด (Raphael  Blanchard) เป็นผู้ร่างกฎและเป็นเลขา-ธิการ ที่ประชุมได้ลงมติไม่รับกฎนี้ ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๓๕ ได้มีการประชุมสภานี้อีกเป็นครั้งที่ ๒ ที่กรุงมอสโก ประเทศสหภาพโซเวียต ได้มีการอภิปรายกฎของศาสตราจารย์บลังชาร์ดอย่างกว้างขวาง และในที่สุดได้ลงมติรับกฎนี้ไว้เป็นแนวทางปฏิบัติ
          สภาสัตวศาสตร์สากลได้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกหลายครั้ง จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้มีการประชุมครั้งที่ ๑๕ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และได้พิมพ์ผลการประชุมออกเผยแพร่ในพ.ศ. ๒๕๐๗ โดยได้จัดพิมพ์เป็น ๒ ภาษา คือภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส  กฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นที่ ยอมรับของนักชีววิทยาและถือเป็นหลักปฏิบัติในการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์มาจนกระทั่งทุกวันนี้

การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ หมายถึง, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ คือ, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ ความหมาย, การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของสัตว์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 2

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu