นับจากเมื่อได้มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค เมื่อคราวฉลองพระนครครบรอบ ๑๕๐ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ในรัชกาลที่ ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้ว ก็ไม่เคยได้จัดอีก จนใน พ.ศ. ๒๕๐๐ ในรัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นปีที่ทางราชการได้จัดงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษขึ้น และได้จัดให้มีกระบวนเรือพระราชพิธีอัญเชิญพระพุทธรูป พระไตรปิฏก และพระสงฆ์แห่ไปตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการเฉลิมฉลองกระบวนครั้งนั้นเรียกกันว่า "กระบวนพุทธพยุหยาตรา" การจัดรูปกระบวนเรือคล้ายรูปกระบวนพยุหยาตราน้อย แต่ไม่ครบเนื่องจากเรือพระราชพิธีชำรุดเสียหายไปบ้าง ไม่มีเรือพอจะจัดให้เต็มรูปริ้วกระบวนแบบฉบับที่มีมาแต่โบราณ
ดังนั้นใน พ.ศ. ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค สำหรับเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม ตามพระราชประเพณีที่เคยมีมา แต่ก็ไม่อาจจัดกระบวนให้ครบถ้วนเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ หรือพยุหยาตราน้อยได้เช่นกัน มีเรือดั้งเหลือ ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่ คือ เรือพาลีรั้งทวีปกับเรือสุครีพครองเมือง ๑ คู่ เรืออสุรวายุภักษ์กับเรืออสุรปักษาอีก ๑ คู่ เรือที่ไม่มีคือ เรือกระบี่ เรือครุฑ และเรือคู่ชัก จึงใช้เรืออสูรมาเป็นเรือคู่ชัก ใช้เรือดั้งทอง และเรือพญาวานรเสริมริ้วเรือดั้งให้ครบ ๑๑ คู่ และเพื่อให้เป็นไปตามพระราชดำริในอันที่จะฟื้นฟูประเพณีการเสด็จ โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค กรมอู่ทหารเรือ กรมศิลปากร และสำนักพระราชวัง ได้ต่อเรือพระราชพิธีและเรือดั้งจนมีครบ ๑๑ คู่ ส่วนเรือรูปสัตว์ก็ต่อตัวลำขึ้นใหม่ ใช้หัวเดิมบ้างและต่อใหม่หมดบ้าง จนครบ ๘ ลำ การเสด็จพระราชดำเนินถวายพระกฐินด้วยกระบวนพยุหยาตราชลมารคครั้งสุดท้าย ประกอบการเมื่อพ.ศ. ๒๕๑๐ และมีการซ้อมใหญ่อีกครั้งใน พ.ศ.๒๕๑๒
ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นโอกาสที่กรุงรัตนโกสินทร์มีอายุครบ ๒๐๐ ปี รัฐบาลได้จัดงานเฉลิมฉลองขึ้น พระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งคือ การเสด็จพยุหยาตราชลมารค ในวันที่ ๕ เมษายน และกระบวนพยุหยาตรา ในวันที่ ๑๓ เมษายน โดยอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ออกเพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำในวันสงกรานต์ อันเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทย และถือเป็นสิริมงคลในการฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี การจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารคครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงเป็นแม่กองปรับปรุงการจัดริ้วกระบวนจนดูโอ่อ่าตระการตายิ่ง
อย่างไรก็ดี ต่อมาในวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม โดยมีการจัดกระบวนเรือตามแบบกระบวนพยุหยาตราชลมารค (ใหญ่) เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕ และใช้บทเห่เดิมของ
เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ เป็นบทเห่ชมกระบวนเรือชมทิวทัศน์ ชมนก ชมปลา และชมไม้น.ต.มงคล แสงสว่าง เป็นเจ้าหน้าที่เห่ นอกจากนี้มี พ.จ.อ.สุจินต์ สุวรรณ์ และ พ.จ.อ.ทวี นิลวงษ์ เป็นผู้ช่วยในการเห่ด้วย
ก่อนจะถึงวันพระราชพิธี กองทัพเรือได้นำเรือพระที่นั่งออกจัดกระบวนเรือฝึกซ้อมใหญ่ ๒ ครั้ง คือ วันที่ ๖ และ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
ในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นวันมหามงคลของราชอาณาจักรไทยอีกวาระหนึ่งด้วยเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ได้ ๔๒ ปี ๒๓ วัน ซึ่งนานกว่าพระมหากษัตริยาธิราชทุกพระองค์ในอดีตรัฐบาลได้จัดงานฉลองพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกขึ้นในงานนี้ ระหว่างวันที่ ๒-๕ กรกฎาคม มีการเห่เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ที่ท่าราชวรดิษฐ์ โดยบทเห่นั้น คุณหญิงกุลทรัพย์เกษแม่นกิจ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้ประพันธ์
จากความงดงามในศิลปกรรมที่ประกอบขึ้นเป็นเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ประกอบกับเป็นเรือที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยแล้ว ยังมีความสำคัญในการเป็นมรดกของโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกลอย่างยิ่งลำหนึ่งที่แสดงถึงความมีอัจฉริยะในการต่อเรือของช่างไทยโบราณ ที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้อย่างดียิ่ง นอกจากนี้ยังเป็นงานศิลปกรรมที่รัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญ จึงได้ให้การทำนุบำรุงรักษาเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เป็นอย่างดียิ่ง จนสามารถนำมารับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการพระราชพิธีต่างๆ จนมาถึงปัจจุบัน อันถือได้ว่าเป็นการสืบต่อความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในการต่อเรือและการเดินเรือรวมทั้งการค้าขายทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไกลซึ่งกำเนิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว
ด้วยความสำคัญของเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ดังกล่าวมาแล้ว จึงทำให้องค์การเรือโลกแห่งสหราชอาณาจักร ให้ความสนใจส่งผู้แทนมาพิจารณามอบรางวัลเรือโลกแก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ในวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. ๑๙๙๒) คณะกรรมการองค์การเรือโลก (WORLD SHIP TRUST) ประกอบด้วย นายอีเวน เซาท์บี-เทลยัวร์ (MR.EWEN SOUTHBY TAILYOUR) ประธานองค์การเรือโลก นายไมเคิล ไทแนน (MR.MICHAEL TYNAN) นักกฎหมายประจำองค์การฯ และนายเจมส์ ฟอร์ไซท์ (MR.JAMES FORSYTH) ได้เดินทางมายังราชอาณาจักรไทย และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญรางวัลเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ คือ เหรียญรางวัลมรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ประจำปี ค.ศ. ๑๙๙๒ (THE WORLD SHIP TRUST MARITIME HERITAGE AWARD "SUPHANNAHONG ROYAL BARGE") จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเหรียญรางวัลดังกล่าวแก่อธิบดีกรมศิลปากรครั้งนั้น คือนายสุวิชญ์ รัศมิภูติ ซึ่งเป็นกรมที่รับผิดชอบดูแลรักษาเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ที่จัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
องค์การเรือโลก (WORLD SHIP TRUST) แห่งสหราชอาณาจักร เป็นองค์การที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นองค์กรการกุศลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๗๙ (พ.ศ. ๒๕๒๒) มี ดยุกแห่งเอดินบะระ (DUKE OF EDINBURGH) เป็นองค์อุปถัมภ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและความรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเดินเรือ การต่อเรือ ส่งเสริมการทำนุบำรุงรักษาเรือสมัยโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งต่อโลกและมนุษยชาติเพื่อให้เป็นมรดกที่ล้ำค่าที่สาธารณชนรุ่นหลังจะได้มีโอกาสได้ชื่นชมต่อไป รวมทั้งดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรือต่างๆ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานและเป็นประโยชน์ในการทำนุบำรุงเรือนั้นๆ
องค์การเรือโลกได้เคยมอบรางวัลแก่ องค์กรบุคคล และเรือต่างๆ แล้ว ๑๒ เหรียญ ที่สำคัญมีเรือวาซา (WASA) ของสวีเดน เรือแมรีโรส (MARY ROSE) ของสหราชอาณาจักร เรือจิลแลนด์ (JYLLAND) ของเดนมาร์ก เรือยูเอสเอสคอนสติติวชัน (USS CONSTITUTION) ของสหรัฐอเมริกา และในปีเดียวกับที่มอบเหรียญรางวัลให้เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ แห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ก็ได้มอบรางวัลให้แก่เรือมิกาซา (MIKASA) แห่งประเทศญี่ปุ่นด้วย
สำหรับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ นอกจากได้รับเหรียญรางวัลแล้ว ยังได้รับสาส์นแสดงความยินดีจากเจ้าชายฟิลิป ดยุก แห่งเอดินบะระด้วย
เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ สร้างเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙
ขนาดของเรือ
ความยาวทั้งหมด ๔๔.๓๐ เมตร
ความยสวแนวน้ำหนัก บรรทุกเต็มที่ ๓๔.๖๐ เมตร
ความกว้างของเรือ ๓.๒๐ เมตร
ความลึกของเรือ ๑.๑๐ เมตร
กินนน้ำลึก ๐.๔๐ เมตร
ระวางขับน้ำบรรทุกเต็มที่ ๖๐ ตัน