ในระดับประโยค นักภาษาศาสตร์ศึกษาถึงโครงสร้างของวลีและประโยค ซึ่งเกิดจากการที่นำคำมาเรียงต่อกันเป็นลำดับ จากซ้ายไปขวา ถ้าเราพิจารณาประโยคต่อไปนี้ก็จะเห็นได้ว่า การนำคำมาเรียงกันเป็นประโยคนั้นมีกฎเกณฑ์ กล่าวคือมิใช่คำใดจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้ และถ้าไม่เรียงตามกฎเกณฑ์ก็จะไม่เป็นประโยค เช่น
/ แจ๋วใส่เสื้อสีเขียวตัวนี้ทุกวันพุธ
/ ทุกวันพุธ แจ๋วใส่เสื้อสีเขียวตัวนี้
/ เสื้อสีเขียวตัวนี้ แจ๋วใส่ทุกวันพุธ
X แจ๋วตัวนี้ เสื้อทุกใส่สีเขียววันพุธ
X ทุกแจ๋ว เสื้อวันพุธใส่สีเขียวนี้ตัว
x วันพุธทุกสีเขียวใส่ตัวนี้เสื้อแจ๋ว
x เสื้อแจ๋วนี้ทุกวันพุธตัวสีเขียวใส่
ถ้าวิเคราะห์รายละเอียดต่อไปอีกก็จะเห็นว่าถ้าไม่เรียงคำตามกฎเกณฑ์จะได้สิ่งที่ไม่เป็นประโยค ไม่สื่อความ มากกว่าสิ่งที่เป็นประโยคและสื่อความได้ และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลประโยคที่ถูกต้อง นักภาษาศาสตร์ก็ตั้งสมมติฐานว่าคำในภาษานั้นแตกต่างกัน แยกได้เป็นประเภทต่างๆ (นาม สรรพนาม กริยา...) แต่ละประเภทมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน และคำที่อยู่ในประโยคเดียวกันมีความสัมพันธ์มากน้อยไม่เท่ากันเป็นต้นว่า "สีเขียว" สัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "เสื้อ"มากกว่าสัมพันธ์กับคำว่า "ใส่" "ทุก" สัมพันธ์กับ "วันพุธ" มากกว่าคำอื่นๆ ในประโยค ซึ่งแสดงว่าคำในประโยคเดียวกันเกาะกันเป็นกลุ่มๆตามความสัมพันธ์หรือที่เรียกกันว่า "วลี" และกลุ่มคำเหล่านี้ก็แยกเป็นประเภทต่างๆ ได้เช่นเดียวกับคำ (นามวลี กริยาวลี บุพบทวลี...) ในแง่ของความสัมพันธ์ของคำและกลุ่มคำในประโยค เมื่อพิจารณาในรายละเอียด จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้มิได้อยู่ในระดับเดียวกัน (จากซ้ายขวา) ทั้งหมด แต่สูงต่ำลดหลั่นกัน ดังเช่น
นักภาษาศาสตร์ใช้วิธีแยกแยะคำในประโยคออกมาเป็นกลุ่มในลักษณะนี้ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของกลุ่มคำ และระดับของความสัมพันธ์ว่าอยู่ระดับเดียวกันหรือไม่
ในแง่ของการเรียงคำ นักภาษาศาสตร์ได้ศึกษาประโยคในภาษาต่างๆ และสรุปว่า การเรียงคำในประโยคของภาษาต่างๆ ในโลก มี ๒ แบบใหญ่ๆ คือ การวางคำกริยาไว้หน้ากรรม และการวางคำกริยาไว้หลังกรรม หรือ กริยา+กรรม และกรรม+กริยา ตัวอย่างเช่น ภาษาไทย ภาษาเขมรภาษาเวียดนาม ภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปวางคำกริยาไว้หน้ากรรม ส่วนภาษาพม่า ภาษาญี่ปุ่นภาษาฮินดี โดยทั่วไปวางกรรมไว้หน้ากริยาหรือกริยาไว้ท้ายประโยค เช่น ภาษาพม่า เรียงคำดังนี้"อูถิ่น-ซองจดหมาย-ซื้อ" "เขา-ตลาด-ไป" และการเรียงคำ ๒ แบบนี้ผูกพันกับการเรียงคำอื่นๆ ด้วยเป็นต้นว่า คำวิเศษณ์อยู่หน้าหรือหลังคำนาม คำบุพบทอยู่หน้าหรือหลังคำนาม คำเปรียบเทียบอยู่หน้าหรือหลังคำเปรียบ เช่น ภาษาไทยวางคำเปรียบเทียบไว้หลังคำวิเศษณ์ เช่น ใหญ่กว่า ดีกว่าแต่ภาษาพม่าเรียงคำเป็น กว่าใหญ่ กว่าดี หรือภาษาอังกฤษเรียงคำขยายไว้หน้าคำนาม เช่น ใหญ่บ้าน ดีเด็ก แต่ภาษาไทยเรียงแบบตรงข้าม เช่นบ้านใหญ่ เด็กดี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภาษาทุกภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสภาพแวดล้อมประกอบกับผู้พูดภาษาต่างกันมีโอกาสได้หยิบยืมภาษาของกันและกันด้วย จึงทำให้ภาษาโดยทั่วไปมีลักษณะผสม คือ ภาษาหนึ่งอาจวางกรรมไว้หน้ากริยา แต่อาจวางคำขยายไว้หลังคำนามก็ได้เช่น ภาษาไทยอาจเรียงประโยคแบบ "ประธาน-กรรม-กริยา" คือ มันน่ะ ข้าวกินแล้ว
ประโยค
ประโยค, ประโยค หมายถึง, ประโยค คือ, ประโยค ความหมาย, ประโยค คืออะไร
ประโยค, ประโยค หมายถึง, ประโยค คือ, ประโยค ความหมาย, ประโยค คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!