ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หมายถึง, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความหมาย, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

          เดิมที่เดียวเรารู้จักโรคกลุ่มนี้ในนามของกามโรคหรือในภาษาอังกฤษว่า  venereal  diseases  หรือ VDแต่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการศึกษาค้นคว้าและวิจัยกันอย่างกว้างขวาง  ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นว่า  ยังมีโรคอื่นที่ติดต่อกันได้โดยการร่วมเพศ และโดยเพศสัมพันธ์ในลักษณะอื่นๆ  ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมโรคต่างๆ ให้กว้างขวางออกไปอีก ชื่อที่ใช้เรียกกามโรคในภาษาอังกฤษจึงได้เปลี่ยนไปจาก "venereal diseases หรือ VD" เป็น "sexually transmitted diseases" หรือเรียกย่อๆ ว่า STD ฉะนั้น จึงขอเรียกชื่อโรคกลุ่มนี้ในภาษาไทยว่า "โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์" 
          ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สำคัญๆบางโรค ซึ่งได้แก่ โรคซิฟิลิส โรคหนองใน โรคหนองในเทียม และกลุ่มอาการภาวะภูมิคุ้มกันเสื่อม (โรคเอดส์)          บางที่เรียกกันว่า โกโนร์เรีย หรือโรคหนองใน
          เชื้อต้นเหตุ  เป็นบัคเตรี  มีชื่อว่า  ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoea)
          ระยะฟักตัว  ใช้เวลาประมาณ ๒-๓ วัน หรืออาจยาวนานถึง ๑-๒ สัปดาห์ก็ได้
          ลักษณะอาการ  โรคนี้เป็นกับบุคคลทั้งสองเพศ แต่ลักษณะจะแตกต่างกันดังนี้ 
          อาการในผู้ชาย จะมีอาการที่รุนแรงคือ เริ่มด้วยอาการขัดเบา เจ็บแสบท่อปัสสาวะทุกครั้งที่ถ่ายปัสสาวะ ที่ปลายอวัยวะเพศตรงปากท่อปัสสาวะจะอักเสบแดง และจะมีหนองไหลเยิ้ม บางครั้งจะมีหนองข้นจนคล้ายเส้นขนมจีน รายที่เป็นมากๆ กางเกงในจะเปรอะเปื้อนไปด้วยหนอง หนองจะไหลอยู่ประมาณ ๑-๒  สัปดาห์  ถ้าไม่ได้รับการรักษา หนองก็จะเริ่มลดน้อยลง แต่อาการอักเสบเวลาถ่ายปัสสาวะก็ยังคงอยู่จะมีอาการคันภายในท่อปัสสาวะ  ถ้าปล่อยให้โรคดำเนินอยู่เช่นนี้จะกลายเป็นหนองในเรื้อรัง   ต่อมน้ำเหลืองจะบวมเจ็บ  อาจมีอาการปวดตามข้อ  บางรายจะมีผื่นคันตามตัวด้วย โรคอาจลุกลามต่อไป ทำให้เกิดต่อมลูกหมากอักเสบ ท่ออสุจิตีบตันและทำให้เป็นหมันได้ 
          อาการในผู้หญิง  อาจจะไม่มีอาการอะไรเลย หรือมีแต่เพียงอาการแสบเวลาปัสสาวะ  บางรายอาจจะมีหนองไหล  ซึ่งผู้ป่วยมักจะให้ประวัติว่าตกขาว   บางราย จะไม่มีหนองปรากฏให้เห็นเลย  บางรายอาการตกขาวมีมากจนต้องใช้ผ้าอนามัยก็มี  ส่วนใหญ่อาการในผู้หญิงจะน้อยกว่าในผู้ชายมาก  จนทำให้บางคนสำคัญผิดว่า ไม่ได้เป็นโรค ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายในการแพร่เชื้อต่อไปโดยเฉพาะในหญิงบริการ    เนื่องจากมีอาการน้อยจึงมักไม่ใคร่รักษา  โรคจึงเรื้อรังลุกลามต่อไป  ทำให้เกิดอาการอักเสบในอุ้งเชิงกราน  ทำให้ปีกมดลูกอักเสบมดลูกอักเสบ ปวดมดลูก ช่องท้องอักเสบ รังไข่อักเสบ ปวดเมื่อยหลัง ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีไข้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อไปอีก คือ ท่อรังไข่ตีบตันเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือเป็นหมันในที่สุด ถ้าเกิดมีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน จะมีการตกขาว ซึ่งมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย มีเลือดปน มีไข้ และมักจะมีอาการใกล้ๆ กับระยะมีประจำเดือน  ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า  ไข้ทับระดู
         โรคหนองในอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายประการ ได้แก่
          ๑. โรคแพร่กระจายโดยตรงจากแหล่งที่เป็นโรคดังได้กล่าวไว้แล้ว คือ  จากอวัยวะเพศไปทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ  ปีกมดลูกอักเสบ ต่อมบาร์โทลินในช่องคลอดอักเสบ  และท่อนำอสุจิอักเสบ
          ๒. โรคแพร่ออกไปโดยทางอ้อม เช่น เอามือเปื้อนหนองไปเช็ดตา หรือใช้ผ้าขาวม้าไปเช็ดตาตนเอง ทำให้ตาอักเสบเป็นหนองได้
          ๓. โรคแพร่กระจายไปตามกระแสเลือดทำให้เกิดข้ออักเสบ มีผื่นตามผิวหนัง ลิ้นหัวใจอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และตับอักเสบ
          ๔. โรคติดไปยังทารกในครรภ์  ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์  ทำให้คลอดก่อนกำหนด  บางครั้งจะติดโรคขณะคลอดผ่านช่องคลอดที่มีเชื้อโรค ทำให้ตาอักเสบเป็นหนอง
         โรคหนองในในเด็กหญิง มักจะเกิดแก่เด็กหญิงวัยอนุบาล วัยเรียนชั้นประถม  อายุประมาณ ๓-๕ขวบ จะมีอาการหนองไหลออกมาจากช่องคลอด  มีอาการคัน  พ่อแม่จะสังเกตว่าเด็กคันอวัยวะเพศเสมอๆ  ที่กางเกงในจะมีหนองติด เด็กพวกนี้มักติดเชื้อหนองจากผ้าขาวม้า ผ้าปูที่นอน โถส้วม หรือใช้มือที่เปื้อนเชื้อไปเกาอวัยวะเพศ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะ  พวกผิวขาว มักจะเกิดจากการร่วมเพศก่อนถึงวัยอันควร  นอกจากโรคจะเกิดแก่อวัยวะเพศแล้ว  ปัจจุบันพบว่ามีอาการคออักเสบอันเกิดจากเชื้อหนองในบ่อยขึ้นเพราะมีเพศสัมพันธ์แบบใช้ปาก  และบางรายมีอาการอักเสบของทวารหนัก  ซึ่งเป็นผลจากเพศสัมพันธุ์ทางทวารหนัก
          การติดต่อ  ที่สำคัญคือ  การร่วมเพศโดยตรงและการกระทำเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่นๆ  การสัมผัสกับเชื้อโรคโดยทางอ้อม ได้แก่ มือเปื้อนเชื้อ ใช้เสื้อผ้า ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกางเกงใน นั่งโถส้วมตามหลังผู้ที่เป็นโรคเพิ่งใช้ส้วมไปใหม่ๆ  เหล่านี้เป็นต้น
          การป้องกันและควบคุมโรค  รักษาอนามัยส่วนบุคคล  ละเว้นการสำส่อนทางเพศ  ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศกับหญิงบริการ ไม่กระทำเพศสัมพันธ์ที่ผิดปกติ  หากมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดที่สงสัย แม้แต่เพียงเล็กน้อย  ให้รีบไปรับการตรวจวินิจฉัยโรคโดยด่วน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หมายถึง, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือ, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ความหมาย, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 10

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu