ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

พระมหากษัตริย์นักดนตรี, พระมหากษัตริย์นักดนตรี หมายถึง, พระมหากษัตริย์นักดนตรี คือ, พระมหากษัตริย์นักดนตรี ความหมาย, พระมหากษัตริย์นักดนตรี คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 1
พระมหากษัตริย์นักดนตรี

          มีเรื่องเล่ากันมาว่า นักดนตรีเอกของโลกได้กล่าวถึงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีว่าหากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ก็จะต้องทรงเป็นราชานักดนตรีของโลก แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเป็นทั้งพระมหากษัตริย์ และทรงเป็นนักดนตรีได้พร้อมๆ กัน

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสนพระราชหฤทัยในด้านดนตรีมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์  ดังที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงพระนิพนธ์ไว้ในบทพระนิพนธ์  “เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์”  ความตอนหนึ่งว่า
         “เมื่อถึงเวลาสนพระทัยแผ่นเสียงก็แข่งกันอีก รัชกาลที่ ๘ ทรงเลือก  Louis Armstrong  และ Sidey Bechet  รัชกาลที่ ๙  ทรงเลือก Duke Ellington และ Count Banc เกี่ยวกับการซื้อแผ่นเสียงนี้ ถ้าเป็นแจ๊สต้องซื้อเองถ้าเป็นคลาสสิกเบิกได้”

         “สิ่งที่ทรงเล่นมาด้วยกันเป็นเวลานานคือดนตรี  รัชกาลที่ ๘ ทรงเริ่มด้วยเปียโนเพราะเห็นข้าพเจ้าเรียนอยู่  รัชกาลที่  ๙  ขอเล่นหีบเพลง (accordian) เรียนอยู่ไม่กี่ครั้งก็ทรงเลิกเพราะไม่เข้ากับเปียโน” แล้วรัชกาลที่ ๘ ก็ทรงเลิกเรียนเปียโนไป เมื่ออยู่ที่อาโรซ่า เวลาหน้าหนาว ได้ทอดพระเนตรวงดนตรีวงใหญ่ที่เล่นอยู่ที่โรงแรม รู้สึกอยากเล่นกัน ทรงหาแซกโซโฟนที่เป็นของใช้แล้ว (second hand) มาได้ ราคา ๓๐๐ แฟรงค์ แม่ออกให้ครึ่งหนึ่งและสโมสร ปาตาปุมออกให้อีกครึ่งหนึ่ง เมื่อครูมาสอนที่บ้าน รัชกาลที่ ๘ ทรงดันพระอนุชาเข้าไปในห้องเรียน รัชกาลที่ ๙ จึงเป็นผู้เริ่ม เมื่อเรียนไปแล้ว ๒ - ๓ ครั้ง รัชกาลที่ ๘ ทรงซื้อแคลริเน็ต (clarinet) ส่วนพระองค์  วันเรียน ครูสอนองค์ละ ๓๐ นาที แล้วครูก็เอาแซกโซโฟน(saxophone) ของเขาออกมาและเล่นด้วยกันทั้ง ๓ เป็น trio”

          “ครูสอนดนตรี  ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงเล่าไว้นี้  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมารี ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในบทพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาดนตรี เช่นกัน มีความว่า
          “...คูรสอนดนตรีชื่อนายเวย์เบรชท์ (Weybrecht) เป็นชาวอัลซาส (Alsace) ซึ่งเป็นแคว้นของฝรั่งเศสที่พูดภาษาเยอรมันเวลาพูดกาษาฝรั่งเศสยังมีสำเนียงเยอรมันติดมาบ้าง นายเวย์เบรชท์ทำงานอยู่ร้านขายเครื่องดนตรี (ขายทุกๆ ยี่ห้อ)  และยังเป็นนักเป่าแซกโซโฟนอยู่ในวงของสถานีวิทยุ เขาเล่นดนตรีได้หลายอย่างรวมทั้งแคลริเน็ตด้วย... นอกจากการเล่นดนตรีแล้ว ครูยังสอนวิชาการดนตรีให้ด้วย รวมทั้งการเขียนโน้ตสากลต่างๆ

          ในบทพระราชนิพนธ์  “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดนตรี  ยังทรงเล่าความเกี่ยวกับความสนพระราชหฤทัยโนการทรงศึกษาเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ  ได้แก่ แตร เปียโน กีตาร์ และขลุ่ย ดังนี้
          “...สำหรับแตรนั้นสนพระทัยจึงไปเช่ามาเล่นเขาให้เช่าทีละเดือน ครั้งแรกที่เช่ามาเป็นแตรดอร์เน็ต อีกหลายปีจึงทรงซื้อเอง  ดูเหมือนว่าแตรทรัมเป็ตเครื่องแรกที่ทรงซื้อจะเป็นแตรยี่ห้อเซลเมอร์ สั่งซื้อจากอังกฤษ แต่เป็นของฝรั่งเศส (เครื่องนี้พระราชทานวงสุนทราภรณ์ไป) ภายหลัง (สัก ๓๐ ปี มาแล้วข้าพเจ้ายังไม่เกิด) จึงซื้อใหม่ยี่ห้อเซลเมอร์เหมือนกัน  ครูเวย์เบรชท์บอกว่าแตรดีที่สุดคือยี่ห้อกูร์ตัว แต่ไม่ได้ทรงซื้อ...
           ...สำหรับเครื่องดนตรีต่างๆ  ที่ทรงเล่น มีเปียโน ไม่เคยทรงเรียนจริงจังจากใคร เล่นเอาเองดูโน้ต เรียนวิธีประสานเสียง
           กีตาร์ ทรงเล่นเมื่อพระชนม์ราว ๑๖ พรรษาเพื่อนที่โรงเรียนเป็นรุ่นพี่อายุมากกว่า ให้ยืมเล่นภายหลังเอาไปคืน เขาเห็นว่าสนใจจึงให้เลย
           ขลุ่ย ทรงเล่นเมื่อพระชนม์ประมาณ  ๑๖-๑๗  พรรษา เห็นว่าราคาไม่แพงนัก เล่นไม่ยากนิ้วคล้ายๆ แซกโซโฟน... ตอนหลังเคยเห็นทรงเล่นไวโอลินด้วย  คิดว่าทรงเล่นเอาเองไม่มีครูสอนดนตรีฯ

           นอกจากจะทรงศึกษาวิชาดนตรีจากพระอาจารย์ชาวต่างชาติในต่างประเทศ  แต่เมื่อยังทรงพระเยาว์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงได้รับการแนะนำการดนตรีจากพระเจนดุริยางค์ ชาวต่างชาติที่เข้ามารับราชการในประเทศไทย  ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เช่นกันว่า

           “...คุณพระเจนดุริยางค์ เป็นอีกท่านที่กราบบังคมแนะนำเกี่ยวกับการดนตรี โปรดคุณพระเจนฯ มาก ทรงพิมพ์ตำราที่คุณพระเจนฯ ประพันธ์ขึ้นทุกเล่ม ระหว่างการพิมพ์และตรวจปรู๊ฟได้ความรู้เกี่ยวกับดนตรีมาก ส่วนไหนที่ไม่เข้าพระทัยก็มีรับสั่งถามคุณพระเจนฯ เรื่องการพิมพ์หนังสือนี้  คุณแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังคนปัจจุบันทราบดี  เพราะเป็นผู้ที่ทรงมอบหมายให้ดำเนินการ ได้ทราบว่าคุณพระเจนฯ เองก็ปรารภว่า  ในด้านทฤษฎีไม่ทรงทราบมากนัก แต่ทำไมเคาะเสียงถูกต้องทุกทีรับสั่งเล่าว่า  คุณพระเจนฯ  เป็นคนถือธรรมเนียมว่าสอนพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้ แต่จะแนะนำถวายหรือกราบบังคมทูล...

           นอกจากทรงเล่นดนตรีแล้ว ยังทรงสอนดนตรีให้ผู้อื่นเล่นด้วย เคยเล่าพระราชทานว่าได้สอนคนตาบอดเล่นดนตรี สอนลำบากเพราะเขาไม่เห็นท่าทาง เมื่อพยายามอธิบายจนเข้าใจสามารถเป่าออกมาเป็นเพลงไพเราะได้ หรือแม้แต่โน้ตเดียวในตอนแรก ดูสีหน้าเขาแสดงความพอใจและภูมิใจมากพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เช่นกันว่า

          ทรงแนะนำวิธีการเล่นดนตรีพระราชทานผู้อื่นที่มาเล่นดนตรีถวาย หรือเล่นร่วมวง ดูเหมือนจะเคยมีรับสั่งว่า การเล่นดนตรีทำให้เกิดความสามัคคีว่าเป็นนักดนตรีเหมือนกัน”

          ในส่วนที่ทรงพระราชนิพนธ์เพลงนั้น ทรงเริ่มอย่างจริงจังเมื่อมีพระชนมายุ ๑๘ พรรษา ขณะเมื่อยังทรงดำรงพระยศสมเด็จพระอนุชา ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จนิวัตพระนคร เมื่อพุทธศักราช  ๒๔๘๘  ดังที่พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ  บันทึกความไว้

          “๕  ธันวาคม  ๒๔๘๘  พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๘  เสด็จนิวัตสู่ประเทศไทยพร้อมสมเด็จพระอนุชา และสมเด็จพระราชชนนี ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ได้โปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าในฐานะนักแต่งเพลงสมัครเล่น  ได้นำโน้ตเพลงที่ได้แต่ง ไว้แล้วถวายทอดพระเนตร พระราชทานข้อแนะนำเกี่ยวกับการแต่งเพลงประเภทบลูส์  โดยทรงเปียโนสาธิตให้ฟังและสมเด็จพระอนุชาทรงอธิบาย ต่อมาได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระอนุชามาใส่คำร้อง เพลงแสงเทียน ยามเย็น สายฝน ตามลำดับ แต่เพลงยามเย็นและเพลงสายฝนได้นำออกสู่ประชาชนก่อนเพลงแสงเทียน โดยพระราชทานให้ออกบรรเลงในงานลีลาศที่สวนอัมพรโดยวงดนตรีของกรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์) ควบคุมวงโดย เอื้อ สุนทรสนานและออกอากาศทางวิทยุ กรมโฆษณาการเป็นประจำ เป็นที่ซาบซึ้ง และประทับใจพสกนิกรอย่างมาก...”

          “... จากนั้นฉันก็แต่งขึ้นอีกเรื่อยๆ จนบัดนี้รวมทั้งหมด ๔๐ เพลง ในระยะเวลา ๒๐ ปี  คิดเฉลี่ยปีละ ๒ เพลง ที่ทำได้ก็เพราะได้รับความสนับสนุนจากนักดนตรี  นักเพลงและนักร้องรวมทั้งประชาชนผู้ฟังต่างก็แสดงความพอใจและความนิยมพอสมควร  จึงเป็นกำลังใจให้แก่ฉันเรื่อยมา...”

          เพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองเพลงแล้วจึงใส่คำร้องภาษาอังกฤษด้วยพระองค์เองได้แก่ เพลง Echo Still on My Mind Old Fashioned  Melody  No  Moon และ  Dream Island ที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองใส่คำร้องภาษาไทย ได้แก่ เพลงความฝันอันสูงสุด และเราสู้  นอกจากนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง เละโปรดเกล้าฯ ให้มีผู้แต่งคำร้องประกอบเพลงพระราชนิพนธ์หลายท่าน ได้แก่  พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าจักรพันธ์ เพ็ญศิริ  ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงนพคุณทองใหญ่ ณ อยุธยา ศาสตราจารย์  ดร. ประเสริฐู ณ  นคร  ท่านผู้หญิงสมโรจน์  สวัสดิกุล ณ อยุธยา  นายจำนง  ราชกิจ (จรัล บุณยะรัตพันธุ์) หม่อมราชวงศ์เสนีย์  ปราโมช และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค เพลงพระราชนิพนธ์ ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๘๙ - ๒๕๓๘  มี  ๔๓ เพลงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความรู้อย่างแตกฉานในทฤษฎีการประพันธ์ ทรงเป็นผู้นำในด้านการประพันธ์ทำนองเพลงสากลของเมืองไทยโดยทรงใส่คอร์ดดนตรีที่แปลกใหม่และซับซ้อนทำให้เกิดเสียงประสานที่เข้มข้นในดนตรี เมื่อประกอบกับลีลาจังหวะเต้นรำที่หลากหลาย  ทำให้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงบรรเลงได้อย่างไพเราะหลายบทกลายเป็นเพลงอมตะของไทยในปัจจุบันนอกจากนี้ ยังทรงมีจินตนาการสร้างสรรค์ไม่ซ้ำแบบผู้ใด และแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา

          เพลงพระราชนิพนธ์แต่ละเพลงนั้น ล้วนแสดงออกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกทุกหมู่เหล่าโดยทั่วหน้า เช่น  เพลงยามเย็นพระราชทานแก่สมาคมปราบวัณโรค เพื่อนำออกแสดงเก็บเงินบำรุงการกุศล เพลงใกล้รุ่ง บรรเลงเป็นปฐมฤกษ์ในงานของสมาคมเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย เพลงยิ้มสู้ พระราชทานแก่โรงเรียนสอนคนตาบอด เพลงลมหนาว พระราชทานในงานประจำปีของสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ เพลงพรปีใหม่ พระราชทานแก่พสกนิกรเนื่องในวันปีโหม่ เพลงเกิดเป็นไทย  ตายเพื่อไทย เพลงความฝันอันสูงสุด และเพลงเราสู้ พระราชทานแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ Kinari Suite พระราชทานเพื่อใช้ประกอบการแสดงบัลเล่ต์  ชุดมโนราห์ และมีเพลงประจำสถาบันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  พระราชทาน ได้แก่ เพลงมหาจุฬาลงกรฌ์ เพลงธรรมศาสตร์ เพลงเกษตรศาสตร์ เพลงธงชัยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ และมาร์ชราชนาวิกโยธิน

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการรวมนักดนตรีสมัครเล่นมารวมกันตั้งเป็นวงขึ้นเป็นครั้งแรกขณะทรงประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ประกอบด้วยพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่ทรงคุ้นเคย และเมื่อโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งสถานีวิทยุอ.ส. (อัมพรสถาน) ขึ้นในพุทธศักราช ๒๔๙๕ เพื่อให้เป็นสื่อกลางที่ให้ความบันเทิงและสาระประโยชน์ในด้านต่างๆ “วงลายคราม” ก็ได้มีการออกอากาศส่งวิทยุกระจายเสียงกับวงดนตรีต่างๆ ด้วย ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้นักดนตรีรุ่นหนุ่มๆ มาเล่นดนตรีร่วมกับวงลายคราม จึงเกิดเป็นวงดนตรี อ.ส. วันศุกร์ขึ้นวงดนตรี อ.ส. วันศุกร์มีลักษณะพิเศษคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงร่วมบรรเลงกับสมาชิกของวง ออกอากาศกระจายเสียงทางสถานีวิทยุประจำวันศุกร์ และยังทรงจัดรายการเพลง ทรงเลือกเผ่นเสียงเองในระยะแรก บางครั้งก็โปรดเกล้าฯ  ให้มีการขอเพลง และจะทรงรับโทรศัพท์ด้วยพระองค์เอง  กล่าวได้ว่าวงดนตรีอ.ส. วันศุกร์นี้ยังเป็นวงดนตรีที่บรรเลงในงาน “วันทรงดนตรี” ตามที่มหาวิทยาลัยต่างๆ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ เพื่อทรงสังสรรค์ร่วมกับนิสิตนักศึกษา เป็นการส่วนพระองค์ ก่อนที่จะยกเลิกไป เพราะทรงมีพระราชกรณียกิจเพิ่มมากขึ้น

          ในพุทธศักราช ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตั้งแตรวง “สหายพัฒนา”ขึ้นอีกวงหนึ่งโดยโปรดให้รวบรวม  ผู้ปฏิบัติราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และโดยเสด็จฯ ในการพัฒนาภูมิภาคต่างๆ เป็นประจำวัน เช่น  นักเกษตรหลวง คณะแพทย์อาสาสมัครข้าราชการในพระองค์ ราชองครักษ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เคยเล่นดนตรีมาก่อน พระราชทานเวลาฝึกสอนในช่วงเวลาทรงออกพระกำลังในตอนค่ำของทุกๆ วัน  ทรงตั้งแตรวงนี้ขึ้นสำเร็จ  และยังคงทรงซ้อมดนตรีเป็นประจำทุกค่ำของวันศุกร์และวันอาทิตย์ร่วมกับนักดนตรี อ.ส. วันศุกร์ ณ  สถานี อ.ส. เกือบทุกเย็น กับวงสหายพัฒนา ณ  ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา จนถึงปัจจุบัน

          พระปรีชาสามารถในการทรงตนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ประจักษ์ในนานาประเทศ  ดังจะเห็นได้จากการที่ทรงเข้าร่วมบรรเลงดนตรีกับวงดนตรีของประเทศต่างๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินเยือน ไม่ว่าวงดนตรีนั้นๆ จะมีการเล่นดนตรีในแบบโด โดยมิได้ทรงเตรียมพระองค์มาก่อน นักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกล้วนถวายการยกย่องพระองค์ในฐานะทรงเป็นนักดนตรีแจ๊สผู้มีอัจฉริยภาพสูงส่ง ดังเช่น เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินประเทศออสเตรีย เมื่อเดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๗ ประธานสถาบันการดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนาได้ทูลเกล้าฯ  ถวายปริญญากิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นสมาชิกหมายเลข ๒๓ ซึ่งผู้ที่จะได้รับเกียรติเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์แห่งสถาบันนี้ได้ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีอาชีพและผลงานด้านดนตรีและศิลปะดีเด่นเป็นที่ยอมรับของชาวโลกทั้งสิ้น

          ด้านการดนตรีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงละเลยดนตรีไทย อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ได้มีพระราชดำริให้มีการรวบรวมเพลงไทยเดิมขึ้นไว้ แล้วบันทึกโน้ตเพลงไทยเดิมขึ้นไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะได้พิมพ์เผยแพร่วิชาการดนตรีไทยในหมู่ประชาชนต่อไปทรงริเริ่มให้มีการวิจัยเกี่ยวกับดนตรีไทยในด้านบันไดเสียงของเครื่องดนตรีไทยประเภทต่างๆ  นอกจากนี้ ยังได้ทรงริเริ่มให้นำเพลงไทยสากลมาแต่งเป็นแนวเพลงไทย โดยโปรดเกล้าฯ ให้นายเทวาประสิทธิ์ พาทยโกศล นำทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ มหาจุฬาลงกรณ์ มาแต่งเป็นแนวไทย บรรเลงด้วยวงปี่พาทย์ นับเป็นเพลงไทยเพลงแรกที่ประดิษฐ์ขึ้นจากเพลงไทยสากลตามพระราชดำริที่ทรงสร้างสรรค์

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับดนตรีแก่นักข่าวชาวอเมริกันในรายการวิทยุอเมริกา เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช  ๒๕๐๓  ความตอนหนึ่งว่า
         
          “ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าจะเป็นแจ๊สหรือไม่ใช่แจ๊สก็ตาม ดนตรีล้วนอยู่ในตัวทุกคนเป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคนเรา สำหรับข้าพเจ้าดนตรีคือสิ่งประณีตงดงาม และทุกคนควรนิยมในคุณค่าของดนตรีทุกประเภท เพราะว่าดนตรีแต่ละประเภทต่างก็มีความเหมาะสมตามแต่โอกาสและอารมณ์ที่ต่าง ๆ กันไป” ทรงเห็นว่า ดนตรีนอกจากจะให้ความบันเทิงแล้ว ควรจะเป็นสื่อสร้างสรรค์ชักนำให้คนเป็นคนดีของประเทศชาติและสังคม ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่คณะกรรมการสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย  ณ  ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔ มีความตอนหนึ่งดังนี้

          “... การดนตรีจึงมีความหมายสำคัญสำหรับประเทศชาติสำหรับสังคม ถ้าทำดีๆ ก็ทำให้คนเขามีกำลังใจจะปฏิบัติงานการ ก็เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่ให้ความบันเทิง ทำให้คนที่กำลังท้อใจมีกำลังใจขึ้นมาได้  คือเร้าใจได้คนกำลังไปทางหนึ่งทางที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะดึงกลับให้มาในทางที่ถูกต้องได้ ฉะนั้น ดนตรีก็มีความสำคัญอย่างหนึ่ง จึงพูดได้กับท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการดนตรีในรูปการณ์ต่างๆ ว่า มีความสำคัญและต้องทำให้ถูกต้องต้องทำให้ดี ถูกต้องในทางหลักวิชาการดนตรีอย่างหนึ่ง และก็ถูกต้องตามหลักวิชาของผู้ที่มีศีลธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต ก็จะทำให้เป็นประโยชน์อย่างมาก เป็นประโยชน์ทั้งต่อส่วนรวมทั้งส่วนตัว เพราะก็อย่างที่กล่าวว่าเพลงนี้มันเกิดความปีติภายในของตัวเองได้ความปีติในผู้อื่นได้ ก็เกิดความดีได้ความเสียก็ได้ ฉะนั้นก็ต้องมีความระมัดระวังให้ดี”

พระมหากษัตริย์นักดนตรี, พระมหากษัตริย์นักดนตรี หมายถึง, พระมหากษัตริย์นักดนตรี คือ, พระมหากษัตริย์นักดนตรี ความหมาย, พระมหากษัตริย์นักดนตรี คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu