
การที่แพทย์จะวินิจฉัยโรค และให้การรักษาผู้ป่วยทางกาย หรือทางจิตได้นั้น แพทย์จะต้องตรวจผู้ป่วยเสียก่อน วิธีการตรวจจะมีหลักเกณฑ์ส่วนใหญ่ที่คล้ายคลึงกัน แต่การตรวจทางจิตเวชอาจมีข้อแตกต่างไปบ้าง วิธีการตรวจที่จำเป็นได้แก่
๑. การสัมภาษณ์ผู้ป่วย และญาติของผู้ป่วย โดยแยกสัมภาษณ์คนละครั้ง ทั้งนี้เพื่อแพทย์จะได้ทราบประวัติส่วนตัว ประวัติครอบครัว ประวัติความเจ็บป่วย การเจริญเติบโต ภาวะแวดล้อมของครอบครัว การเรียน การทำงานชีวิตสมรส และอื่นๆ การสัมภาษณ์ในเรื่องทั่วๆ ไปนี้ นักสังคมสงเคราะห์ช่วยทำหน้าที่แทนแพทย์ได้ สำหรับปัญหาส่วนตัวที่จำเป็นอย่างอื่นที่จิตแพทย์ต้องการทราบจะสัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยตนเองได้อีก เพื่อแพทย์จะได้วินิจฉัยปัญหาและช่วยเหลือผู้ป่วยได้ถูกต้อง
๒. การตรวจสภาพจิต กระทำโดยวิธีสัมภาษณ์ สังเกต ผู้ป่วยจะตอบสนองผู้สัมภาษณ์ด้วยวาจา ความนึกคิด อารมณ์ พฤติกรรม ซึ่งผู้ตรวจจะนำมาวิเคราะห์ และตัดสินว่า การตอบสนองทั้งหมดนั้น แสดงว่าผู้ป่วยปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติของสังคมและวัฒนธรรมของเขาหรือไม่ การสัมภาษณ์มีหลักเกณฑ์ทางจิตเวช และจำเป็นต้องอาศัยศิลปะจากการฝึกฝนอบรม โดยได้รับการช่วยเหลือแก้ไขแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาก่อน หัวข้อหลักในการตรวจสภาพจิตประกอบด้วยการสังเกตรูปร่างท่าทาง และพฤติกรรมทั่วไป เช่น กระแสคำพูด อารมณ์ ความนึกคิดความจำในอดีตและปัจจุบัน ความสนใจและสมาธิระดับเชาวน์ปัญญาและความรู้ทั่วไป ความรู้จักตนหรือรู้สภาวะตนเอง การตัดสินใจ และแรงจูงใจ
ผู้ป่วยหรือญาติมักเข้าใจผิดว่า จิตแพทย์ไม่ได้ตรวจอะไรเลย ดูเสมือนเพียงแต่ "คุย" แท้จริงร่างกายเป็นสิ่งที่จับต้องมองเห็นหรือฉายแสงดูได้ แต่จิตใจนั้นเป็นสิ่งที่จับต้องและมองเห็นไม่ได้ เราจะรู้สภาพจิตใจของใครได้ก็โดยการสังเกตพฤติกรรม และสัมภาษณ์ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ของเขาเท่านั้น
๓. การตรวจร่างกายทั่วไป ตามระบบต่างๆ
๔. การตรวจพิเศษ ได้แก่ การตรวจเลือดปัสสาวะ คลื่นสมอง การฉายแสง การทดสอบทางจิตวิทยา ซึ่งจะตรวจเป็นกรณีๆ ไป