ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย หมายถึง, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย คือ, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย ความหมาย, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย

          วิชาการช่างของไทยมักไม่ค่อยมีการจดบันทึกเป็นตำราเอาไว้ตั้งแต่ครั้งอดีต  การสอนมักเป็นไปตามความเหมาะสมระหว่างครูกับศิษย์แต่ละคน  และแต่ละสกุลช่างที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป  สังคมโบราณเป็นสังคมเกษตรกรรม  ผู้คนพึ่งพาอาศัยกันเหมือนเครือญาติ  การสืบทอดวิชาช่างส่วนใหญ่จึงเป็นแบบเครือญาติเช่นเดียวกัน  โดยเฉพาะครอบครัวช่างมักถ่ายทอดวิชาช่างให้บุตรหลาน  หรือญาติพี่น้องในครอบครัวก่อน  เช่น  พ่อเป็นช่างไม้ลูกก็จะได้รับการสอนวิชาช่างไม้  ครอบครัวช่างเงิน  ช่างทอง  ช่างมุก  ช่างถม ฯลฯ  ก็มักสืบทอดวิชาช่างนั้นๆ ให้ลูกหลานของตนด้วยหากบุตรหลานไม่สนใจวิชาช่างดังกล่าวจึงจะถ่ายทอดวิชาให้แก่บุตรหลานของผู้ที่นำมาฝากตัวเป็นศิษย์ต่อไป
          สิ่งหนึ่งที่ช่างไทยยอมรับนับถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันคือ ช่างทุกคนจะต้องมีครู  จึงมีวิธีปฏิบัติในการฝากตัวเข้าเป็นศิษย์กับการยอมรับศิษย์ของครูช่าง  พิธีกรรมอันเป็นเสมือนข้อตกลงตามภาระหน้าที่ระหว่างครูกับศิษย์เช่นนี้เรียกว่า  "พิธีบูชาครู" หรือ "พิธีไหว้ครู" แม้ในการศึกษาเล่าเรียนวิชาอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ก็ย่อมรับพิธีไหว้ครูเป็นพิธีบูชาครูเช่นกัน
          ยังมีพิธีกรรมอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "พิธีครอบ" เป็นพิธียอมรับความเป็นช่างที่มีครู มีการอัญเชิญครูช่างที่ล่วงลับไปแล้วมาเป็นพยานว่าจะมีศิษย์เข้ามาเรียนวิชาช่าง  ศิษย์ที่ได้รับการครอบจากครูช่างแล้วจะสามารถเรียนรู้และฝึกฝนการช่างต่อไปอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคความเชื่อเช่นนี้ทำให้เกิดประเพณีไหว้ครูและพิธีครอบสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
          โดยเหตุที่การสอนวิชาช่างและศิลปะต่างๆ ของไทยแต่โบราณ  เป็นลักษณะพึ่งพาอาศัยกัน  ครูมิได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากศิษย์แต่กลับเป็นฝ่ายให้ที่อยู่อาศัยและอาหารการกินแก่ลูกศิษย์ และถือเสมือนลูกศิษย์เป็นสมาชิกในครอบครัว  ดังนั้นจึงถ่ายทอดวิชาให้หมดสิ้นโดยไม่ปิดบัง  แต่ถ้าเห็นว่าศิษย์คนใดไม่สนใจต่อการเรียน  ครูช่างก็จะระงับการสอนชั้นสูงและเกร็ดลึกซึ้งต่างๆให้  จึงดูเหมือนว่าครูช่างนั้นๆหวงวิชา  ครูช่างบางคนถึงกับสั่งให้นำตำราและเครื่องใช้ของตนเผาไฟพร้อมกับศพ  เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดสืบทอดวิชาของตนต่อไป
          โดยทั่วไปความรู้และประสบการณ์ทางการช่างที่ได้รับจากการอบรมสั่งสอนของครูช่างนั้นเป็นสรรพวิชาที่มีอยู่ในตัวครูช่าง  มิได้บันทึกไว้เป็นตำราตายตัวแต่อย่างใด  เป็นการสอนที่ไม่มีระบบแน่นอน  การสอนทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่ครูช่างเป็นผู้กำหนดเองทั้งสิ้นเพราะครูช่างก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้มาจากครูของตนแบบเดียวกัน  ดังนั้นจึงเกิดเป็นแบบแผนเฉพาะที่สืบต่อๆ กันมา จนเกิดเป็น "สกุลช่าง" การสอนในแต่ละสกุลช่างก็มิได้มีตำราจดบันทึกไว้ อาศัยการสอนกันด้วยปากต่อปากแบบมุขปาฐะ โดยยึดถือตามแบบแผนของสกุลช่างนั้นๆ สืบทอดกันมา
          พระภิกษุที่เป็นช่างมีส่วนสำคัญในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์มาแต่ดั้งเดิม จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้มีการแยกการศึกษาออกจากทางวัด   ถึงแม้สถานที่เรียนยังอยู่ในบริเวณวัดก็ตาม  ทำให้วัดซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของการศึกษาศิลปวิชาการต่างๆลดความสำคัญลง  พระช่างที่เคยมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดวิชาพลอยถูกลดความสำคัญลงไปด้วย
         การเรียนวิชาการช่างของไทยได้พัฒนาเป็นอันมากควบคู่กันกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมการช่างบางชนิดไม่ได้รับความนิยม  และในขณะเดียวกันได้มีผู้พิจารณาว่าการช่างของไทยอาจจะเสื่อมสูญไปถ้าไม่มีสถานสอนวิชาช่างรองรับดังนั้นจากความพยายามที่จะสร้างโรงเรียนช่างขึ้นด้วยการจัดตั้งเป็น สโมสรช่าง  เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑  โดยเริ่มจากการสร้างเป็นโรงงานเล็กๆสำหรับสอนวิชาช่างตั้งอยู่ข้างโรงเรียนราชบูรณะได้รับความนิยมมาก  เริ่มมีการเก็บเงินค่าเล่าเรียนและจัดแบ่งวิชาช่างเป็นแผนกๆ ให้ผู้สมัครเลือกเรียนตามความถนัดของตน  ต่อมา พ.ศ. ๒๔๕๓ กรมศึกษาธิการได้ตั้งให้ชาวต่างประเทศชื่อ นายอี  อีลี  มาเป็นหัวหน้าครูช่าง  พร้อมกับปรับปรุงหลักสูตรเพิ่มเติมวิชาสามัญทั่วไปไว้ให้เรียนด้วย
          เมื่อกิจการสอนขยายตัว  และมีผู้มาสมัครเรียนถึง ๗๗ คน  กระทรวงธรรมการครั้งนั้นจึงขอโอนกิจการของสโมสรช่างมาขึ้นกับกระทรวงทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการปรับปรุงหลักสูตรการผลิตครูช่างหรือการฝีมือมาช่วยสอน  ดังนั้นสโมสรช่างจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น  "โรงเรียนหัตถกรรมราชบูรณะ" และได้สร้างตึกเรียนเพื่ออุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พร้อมทั้งเชิญเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนและขอพระราชทานชื่อโรงเรียน  จึงได้รับพระราชทานนามโรงเรียนนี้ว่า "โรงเรียนเพาะช่าง" เมื่อวันที่  ๗  มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ โรงเรียนเพาะช่างจึงเป็นโรงเรียนวิชาช่างแห่งแรกของไทย   นับเป็นความก้าวหน้าของการสืบทอดวิชาการช่าง  จากการสอนของครูช่างแก่ลูกศิษย์มาเป็นระบบโรงเรียนโดยสมบูรณ์
          ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  บ้านเมืองพัฒนามากขึ้น ความต้องการช่างจึงทวีขึ้นเป็นเงาตามตัว  จึงได้มีการรื้อฟื้นวิชาการช่างในกรมศิลปากรขึ้นมาจัดตั้งเป็นโรงเรียน  ใน พ.ศ.  ๒๔๗๗ เรียกว่า"โรงเรียนประณีตศิลปกรรม"  โดยให้สังกัดอยู่ในกองประณีตศิลปกรรม  ปีต่อมาจึงได้รับการยกฐานะเป็นกองโรงเรียนศิลปากร กรมศิลปากร กิจการของโรงเรียนนี้ได้เจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับจนได้รับการยกฐานะเป็น  มหาวิทยาลัยศิลปากรเมื่อ  พ.ศ. ๒๔๘๖ นับเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของไทย ที่สอนทั้งวิชาศิลปะไทยและศิลปะสากลตามแบบตะวันตก

ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย หมายถึง, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย คือ, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย ความหมาย, ประเพณีการสืบทอดการช่างของไทย คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

บทความอื่น ของสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 16

สารานุกรมเล่มอื่นๆ

คำยอดฮิต

Sanook.commenu