การที่จะเข้าใจเรื่องหูตึง หูหนวก และโรคต่างๆ ของหู จะต้องเข้าใจถึงโครงสร้าง หน้าที่ของหู และวิธีวัดการได้ยินด้วย
๑. ป้องกันการอักเสบและช่วยซ่อมแซม ช่องหูชั้นนอกและแก้วหูบุด้วยผิวหนังซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับผิวหนังทั่วร่างกาย จึงมีความต้านทานการติดเชื้อได้มาก เช่น น้ำที่มีเชื้อโรคเข้าหูชั้นนอกก็เกิดการอักเสบได้ยาก ผิวหนังบุช่องหูชั้นนอกและแก้วหูงอกได้เร็ว ดังนั้น แก้วหูที่ฉีกขาดจาดอุบัติเหตุจึงหายได้เองโดยการงอกของผิวหนัง แก้วหูเปรียบเหมือนประตูหน้าบ้านของหูชั้นกลาง คอยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคเข้าหูชั้นกลางซึ่งทำให้เกิดโรคหูน้ำหนวก ผู้ที่แก้วหูทะลุเป็นรูจึงเป็นทางให้เชื้อโรคเข้า และเกิดโรคหูน้ำหนวกตลอดเวลา ไม่มีทางหายขาดนอกจากผ่าตัดซ่อมแซมปะแก้วหู๒. นำเสียง เสียงเข้าหูชั้นในโดยผ่านช่องหูชั้นนอก แก้วหู และกระดูกหู ๓ ชิ้น เข้าหูชั้นในทางช่องรูปรีไปที่อวัยวะรูปหอยโข่ง จากนี้ เส้นประสาทสมองที่ ๘ นำเสียงไปสู่สมอง ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดขวางทางเดินของเสียง เช่น ช่องหูตัน แก้วหูทะลุกระดูกหูถูกยึดแน่นหรือขาดหายไป เสียงเข้าไม่ได้เต็มที่ จะเกิดอาการหูตึงแบบการนำเสียงเสีย (conductive hearing loss) อย่างไรก็ตาม แก้วหูไม่ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนำเสียงทั้งหมด เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นการที่แก้วหูทะลุเป็นรูโต จะมีอาการหูตึงไปบ้างเท่านั้นไม่ใช่หูหนวกดังที่เข้าใจกัน ในบางคนที่แก้วหูทะลุเป็นรูเล็กๆ ไม่มีอาการหูตึง หรือมี แต่เป็นอาการหูตึงน้อย หูตึงมาก หรือหูหนวกนั้นขึ้นอยู่กับกระดูกหูทั้ง ๓ ชิ้น โดยเฉพาะกระดูกโกลนมีความสำคัญที่สุดรวมทั้งสภาพของหูชั้นในด้วย
๓. รับฟังเสียงและควบคุมการทรงตัว ถ้าอวัยวะรูปหอยโข่งเสียหรือประสาทหูพิการ (เส้นประ-สาทสมองที่ ๘) จะทำให้เกิดอาการหูตึงแบบหูชั้นในหรือประสาทหูเสีย (sensori-neural hearing loss) อวัยวะหลอดกึ่งวงไม่ได้ทำหน้าที่ตามปกติ การควบคุมการทรงตัวเสียไป เกิดอาการเวียนศีรษะ น้ำหล่อเลี้ยงอวัยวะรับเสียงและการทรงตัวในหูชั้นในติดต่อถึงกัน การเสียหน้าที่ของหูชั้นในจึงมักจะมีอาการได้ทั้ง ๒ อย่าง คือหูตึงและเวียนศีรษะ ความผิดปกติของเส้นประสาทหูและข่ายการติดต่อในสมอง ทำให้เกิดอาการหูตึงหรือหูหนวก และเวียนศีรษะได้เช่นกัน