
ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ หมายถึง ผู้ที่รับราชการในตำแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์ มีหน้าที่ปฏิบัติงานต่าง ๆ ทั้งงานราชการและส่วนพระองค์ ถวายพระมหากษัตริย์ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ได้มีพระราชบัญญัติกำหนดให้ข้าราชการที่มีหน้าที่ ดังกล่าวนั้น เรียกว่า “ข้าราชการพลเรือนในพระองค์” เป็นครั้งแรกในพุทธศักราช ๒๔๗๖ และเป็นข้าราชการประเภทหนึ่งของข้าราชการพลเรือน ก่อนหน้านั้นข้าราชการที่ถวายงานด้านต่างๆ ในพระองค์พระมหากษัตริย์ที่สังกัดกระทรวงวัง กรมราชเลขานุการในพระองค์ กรมราชเลขาธิการ หรือกระทรวงมุรธาธรนั้น มีลักษณะเป็นข้าราชบริพาร ซึ่งเรียกว่า “ข้าราชการในพระราชสำนัก (Court Office)” มิใช่ในความหมายที่เป็นข้าราชการของรัฐหรือพนักงานของรัฐ (Civil Sevants of the State) ดังเช่นข้าราชการพลเรือนที่สังกัดกระทรวงอื่น ๆ อีกทั้งยังมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่างไปจากข้าราชการพลเรือนทั่ว ๆ ไปด้วยดังที่เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒ (หม่อมราชวงศ์เย็นอิศรเสนา) เสนาบดีกระทรวงวัง ได้กราบบังคมทูลแสดงความคิดเห็นถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ ครั้งมีการร่างระเบียบข้าราชการพลเรือนฉบับแรก ความว่า
“๑. น่าที่ราชการกระทรวงวัง หาได้เหมือนกระทรวงอื่นไม่ เพราะกระทรวงวังมีน่าที่ต้องปฏิบัติพระราชกิจในพระองค์ราชประเพณีเดิมและราชการของรัฐบาลกล้ำกันไป ส่วนเจ้าน่าที่เล่าต้องมีทั้งชายหญิงทั้งชั้นต่ำและสูง และยังต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ชำนิชำนาญในวิชาวิสามัญยิ่งกว่าวิชาสามัญไม่ใช่น้อย บางน่าที่ยังต้องอาศรัยตระกูลอีกประการ ๑ หากจะทรงพระกรุณาแด่พระราชวงศ์หรือผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งควรได้รับพระมหากรุณาก็จะไม่เป็นที่ขัดข้อง นอกจากนี้ ก็มีข้าราชการ เช่น พราหมณ์ โหร ภูษามาลา สนม มหรศพทนายวัง พันเด็กชา โขลนจ่า เป็นต้น ต้องมีประจำ จะเรียกหาจ้างชั่วคราวเช่นกระทรวงอื่นหาได้ไม่...”
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มีการจัดระเบียบข้าราชการพลเรือนให้เป็นระเบียบแบบแผนเหมือนกันทุกกระทรวงในปีพุทธศักราช ๒๔๗๑ และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตรา “พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๑” ขึ้นใช้เป็นฉบับแรกนั้น ก็ยังมิได้มีการกำหนดให้ข้าราชการในพระราชสำนักเป็นข้าราชการพลเรือนอีกประเภทหนึ่งต่างหากนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ ซึ่งแบ่งข้าราชการพลเรือนออกเป็น ๓ ประเภท คือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการพลเรือนวิสามัญ และเสมียนพนักงาน
ต่อมา เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ แล้ว กระทรวงวังได้เปลี่ยนมาเป็นศาลาว่าการพระราชวัง (ในปีต่อมาได้เปลี่ยนกลับมาเป็นกระทรวงวังดังเดิม) และในวันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ ได้มีพระบรมราชโองการประกาศยุบเลิกกรมราชเลขาธิการ ซึ่งแต่เดิมเป็นกรมที่ปฏิบัติงานราชการแผ่นดินนั้นให้โอนงานในส่วนที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์รวมทั้งข้าราชการ ไปรวมเข้ากับกรมราชเลขานุการในพระองค์ ซึ่งอยู่ในสังกัดศาลาว่าการพระราชวัง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งกรมเลขาธิการของคณะกรรมการราษฎรขึ้น โดยทำหน้าที่ในหน้าที่เดิมของกรมราชเลขาธิการ คือ งานราชการแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ ข้าราชการในพระราชสำนัก หรือข้าราชการกระทรวงวัง จึงรวมถึงข้าราชการในสังกัดกรมราชเลขาธิการและกรมราชเลขานุการในพระองค์ด้วย โดยมีสถานะเป็นข้าราชการของรัฐหรือพนักงานรัฐตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งข้าราชการทุกคนต้องอยู่ในบังคับบัญชาของรัฐบาลและในปีต่อมา เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๖ อันเป็นฉบับที่ ๒ ขึ้นนั้น จึงได้มีการกำหนดในพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงวังเป็นข้าราชการพลเรือนอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากข้าราชการพลเรือนในสังกัดกระทรวงอื่นๆ โดยกำหนดว่าข้าราชการพลเรือน คือ บุคคลที่เป็นพนักงานของรัฐบาล โดยได้รับแต่งตั้งให้ทำการงานของรัฐในกระทรวง ทบวง กรม ฝ่ายพลเรือนทุกแห่งยกเว้นข้าราชการฝ่ายตุลาการ และแบ่งข้าราชการพลเรือนออกเป็น ๕ ประเภท เพื่อความเหมาะสมและความคล่องตัวในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการแต่ละประเภทที่มีความแตกต่างกัน คือ ข้าราชการพลเรือนสามัญข้าราชการพลเรือนวิสามัญ ข้าราชการพลเรือนรัฐพาณิชย์ ข้าราชการพล เรือนในพระองค์ และข้าราชการการเมือง
ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๖ นี้ ได้ระบุว่า“ข้าราชการพลเรือนในพระองค์” ได้แก่ ผู้ซึ่งรับราชการในตำแหน่งซึ่งจะได้มีข้อบังคับของ ก.พ. (คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ซึ่งกำหนดไว้ว่าเป็นตำแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์นอกจากนี้ การแต่งตั้ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน และการออกจากตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในพระองค์นั้น ให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร จึงกล่าวได้ว่า ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ในครั้งนั้น อยู่ภายใต้บังคับในพระองค์พระมหากษัตริย์ และการบริหารงานบุคคลนั้นเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๘ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลพระอัฐมรามาธิบดินทร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปลี่ยนนามกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวัง และกรมราชเลขานุการในพระองค์ซึ่งสังกัดกระทรวงวังนั้น เป็นสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ แยกเป็นหน่วยงานอิสระ๒ หน่วยงาน มีฐานะเป็นทบวงการเมือง และอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกันตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข้าราชการพลเรือนในพระองค์จึงหมายถึง ข้าราชการในสังกัดสำนักพระราชวังและสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ ซึ่งต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ ในรัชกาลปัจจุบันได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปลี่ยนนามเป็นสำนักราชเลขาธิการ
ในปัจจุบัน ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ คือ ข้าราชการพลเรือนซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพระองค์พระมหากษัตริย์ ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนในสังกัดสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานในพระองค์พระมหากษัตริย์ตามตำแหน่งดังต่อไปนี้คือ เจ้าหน้าที่งานในพระองค์ เจ้าพนักงานในพระองค์เจ้าหน้าที่บริหารงานในพระองค์ หัวหน้าหมวด หัวหน้าแผนก หัวหน้างาน หัวหน้าฝ่าย ผู้อำนวยการกอง ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ผู้ช่วยราชเลขาธิการ รองเลขาธิการพระราชวัง เลขาธิการคณะองคมนตรี รองราชเลขาธิการ เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ และตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่ง ก.พ. ได้กำหนดเทียบกับตำแหน่งดังกล่าว