วัตถุประสงค์ของการศึกษาจารึก ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงวิชาการสาขาต่าง ๆเนื่องจากจารึกเป็นแหล่งข้อมูลเรื่องราวในอดีตสมัยเมื่อยังไม่มีหนังสือพงศาวดารหรือตำนานนอกจากจารึกแล้วมีแหล่งข้อมูลอื่นใดที่จะบอกให้รู้เรื่องราวของบ้านเมืองในอดีต แม้ในสมัยเมื่อมีหนังสือพงศาวดารหรือตำนานแล้วก็ดีจารึกก็ยังคงเป็นประโยชน์โดยเฉพาะข้อมูลทางศักราช ซึ่งในหนังสือพงศาวดารหรือตำนานมักจะคลาดเคลื่อนเสมอ แต่ถ้าปรากฏในจารึกก็จะช่วยให้รู้เรื่องได้ถูกต้องแน่นอน
จารึกเป็นหลักฐานแสดงถึงรูปอักษรและภาษาต่างกันไปตามยุคสมัย ฉะนั้นการที่พบจารึกในจังหวัดต่าง ๆ ทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทำให้ได้ทราบถึงอารยธรรมทางด้านการใช้ภาษาของกลุ่มชนซึ่งอาศัยอยู่ในภูมิภาคเหล่านั้นทั้งนี้เพราะอักษรและภาษาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติและเป็นสื่อกลางสำหรับเชื่อมโยงความคิดจิตใจเป็นเครื่องสร้างสรรค์ความเข้าใจอันดีระหว่างคนในกลุ่มชนนั้น ๆ และคนในชาติเดียวกัน รวมถึงชาติอื่น ๆ ที่มีสัมพันธภาพต่อกันด้วย นอกจากนั้นอักษรและภาษายังเป็นเครื่องแสดงอารยธรรมความเจริญ และอิสรภาพทางด้านวัฒนธรรมและบ่งบอกวิวัฒนาการของอักษรและภาษาอีกด้วย
เนื่องจากจารึกสร้างด้วยวัตถุที่มีความแข็งแรงคงทนถาวร เนื้อหาของจารึกจะบันทึกเฉพาะกิจกรรมของบุคคลซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับจารึก และเรื่องเกี่ยวกับศาสนาเป็นส่วนใหญ่เรื่องที่บันทึกในจารึกเป็นจริงทั้งชื่อบุคคลนามสถานที่ และศักราช เนื้อหาและถ้อยคำสำนวนในจารึกจึงเป็นเรื่องราวและถ้อยคำในอดีต ซึ่งได้ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขแต่ประการใด
อักษรและภาษาที่ใช้ในจารึก แบ่งได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มจารึกที่ใช้อักษรและภาษาอื่นที่ไม่ใช่ของไทย และกลุ่มจารึกที่ใช้อักษรและภาษาไทย
กลุ่มจารึกที่ใช้อักษรและภาษาอื่นที่ไม่ใช่ของไทย ได้พบที่เก่าที่สุดมีอายุอยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา คือ อักษรปัลลวะซึ่งเป็นแม่แบบของรูปอักษรต่าง ๆ ในยุคสมัยต่อมา
การได้พบจารึกที่มีอายุแตกต่างกันในทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบอักษร จากอักษรปัลลวะวิวัฒนาการไปเป็นรูปอักษรขอมโบราณในพุทธศตวรรษที่ ๑๕ และอักษรขอมในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ ซึ่งใช้ภาษาสันสกฤตและภาษาเขมรร่วมกันมาตลอดเวลา และยังได้พบรูปอักษรมอญโบราณซึ่งเป็นรูปอักษรที่วิวัฒนาการมาจากรูปอักษรปัลลวะเช่นเดียวกัน แต่ใช้บันทึกไว้ด้วยภาษามอญโบราณ
กลุ่มจารึกที่ใช้อักษรและภาษาไทย จากหลักฐานในจารึกดงแม่นางเมือง จังหวัดนครสวรรค์ และจารึกหลังพระพุทธรูปนาคปรกจังหวัดลพบุรี ได้พบภาษาไทยบันทึกไว้ด้วยอักษรขอม แทรกอยู่ระหว่างกลุ่มคำภาษาเขมรในปีพุทธศักราช ๑๗๑๐ และ ๑๗๒๖ และต่อมาในปีพุทธศักราช ๑๘๒๖ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็ประดิษฐ์ลายสือไทยขึ้นใช้ และบันทึกลงในหลักศิลาจารึกเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๓๕ จึงเป็นการปรากฏขึ้นครั้งแรกของจารึกอักษรไทย ภาษาไทย นอกจากนี้ได้พบจารึกอื่น ๆ ที่ใช้อักษรและภาษาไทยอีก ดังนี้
ในภาคเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งอาณาจักรล้านนา ใช้อักษรไทยจารึกภาษาไทยในราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐ เช่น จารึกวัดพระยืน จังหวัดลำพูน เป็นต้น นอกจากนั้นยังใช้รูปอักษรอีกแบบหนึ่ง เรียกว่า อักษรธรรมล้านนา บันทึกจารึกภาษาบาลีและภาษาไทย ได้แก่ จารึกวัดช้างค้ำ จังหวัดน่าน เป็นต้น
ในภาคอีสาน เป็นดินแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับอาณาจักรกัมพูชาและลาว น่าสังเกตว่าในบริเวณภาคอีสานนี้ไม่พบหลักฐานร่วมสมัยสุโขทัย ทั้งทางด้านเอกสารโบราณและด้านศิลปะ คงพบหลักฐานจารึกตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาร่วมเวลาเดียวกับพระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (ล้านช้าง) โดยได้พบจารึกที่วัดพระธาตุศรีสองรัก จังหวัดเลย เป็นจารึกกษัตริย์ทั้ง ๒ พระองค์ร่วมกันสถาปนาขึ้นเพื่อเป็นการแสดงสัมพันธไมตรีฉันมิตรประเทศระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต ในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ จารึกด้วยอักษรขอม ภาษาไทยด้านหนึ่ง และอักษรธรรมอีสาน ภาษาไทยด้านหนึ่ง มีข้อความตรงกันทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังมีจารึกวัดแดนเมืองจังหวัดหนองคาย ใช้อักษรไทย ภาษาไทยจารึกในปีพุทธศักราช ๒๐๗๕ และอีกหลักหนึ่งจารึกในปีพุทธศักราช ๒๐๗๘ เนื้อหาจารึกบอกถึงเขตกัลปนาที่วัดและการอุทิศส่วนกุศล
จารึกเป็นเอกสารโบราณที่ใช้เป็นหลักฐานบ่งบอกความเคลื่อนไหวของอารยธรรมและค่านิยมแห่งสังคมในกลุ่มชนโบราณต่าง ๆแต่ละยุคสมัยทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นหลักฐานที่ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ใช้ถ้อยคำสำนวนตลอดจนเรื่องราวที่คงสภาพของอดีตไว้โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างใด
เนื้อหาของเรื่องในจารึกจะผูกพันอยู่กับผู้สร้างจารึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นปกครองหัวหน้าหมู่คณะ ได้แก่ กษัตริย์ เจ้าเมือง หัวหน้าหมู่บ้าน บุคคลสำคัญในท้องถิ่น เป็นต้น เมื่อได้ปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นแล้วย่อมปรารถนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในลัทธิศาสนาของตนได้รับรู้ และพร้อมกันนั้นก็ต้องการแสดงเจตนาการกระทำของตนให้ประจักษ์ต่อส่วนรวม มีบ้างในส่วนน้อยที่เล่าถึงประวัติส่วนตัวและเรื่องอื่น ๆ ฉะนั้นเนื้อหาสำคัญที่บันทึกในจารึกจึงเป็นข้อเท็จจริงตามเหตุการณ์ในสมัยต่าง ๆ เหล่านั้น
ประโยชน์ของการศึกษาจารึก
ประโยชน์ของการศึกษาจารึก, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก หมายถึง, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก คือ, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก ความหมาย, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก คืออะไร
ประโยชน์ของการศึกษาจารึก, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก หมายถึง, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก คือ, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก ความหมาย, ประโยชน์ของการศึกษาจารึก คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!