แนวโน้มอีกประการหนึ่งของการใช้คอม-พิวเตอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ คือ การให้ความสำคัญมากขึ้นกับการป้องกันความผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องการรับผิดชอบกิจการงาน ซึ่งบางกรณีครอบคลุมไปถึงความปลอดภัยของทรัพย์สิน และแม้กระทั่งชีวิตมนุษย์ ความผิดพลาดของคอมพิวเตอร์มีอยู่ ๓ แบบด้วยกันคือ ความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ และความผิดพลาดจากผู้ใช้
ความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ (hardware error) คือ การที่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งชิ้นใดอาจจะเสียเช่น ชิปหน่วยความจำเสีย หรือค่าหายไปหนึ่งบิตในการส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ ความผิด พลาดของซอฟต์แวร์ (software error) แบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ ออกแบบผิด และเขียนคำสั่งโปรแกรมผิด ตัวอย่างเช่น หากโปรแกรมจัดการของธนาคารลืมให้การคุ้มครองการเบิกเงินเกินบัญชีแก่ลูกค้าที่เพิ่งเปิดบัญชีกระแสรายวันใหม่ก็ถือว่าข้อมูลของบัญชีนั้นผิดพลาด ซึ่งอาจจะทำให้เช็คเด้ง และลูกค้าเสียเครดิตได้
เนื่องจากความผิดพลาดของซอฟต์แวร์เกิดขึ้นได้บ่อย มีผลเสียมาก และเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย เราจึงต้องอธิบายถึงความรับผิดชอบของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้ชัดเจน
การพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ผู้อื่นใช้งาน และการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้เอง หรือสำหรับส่งเป็นการบ้าน จะมีความแตกต่างกันอย่างมากถ้าเราพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ผู้อื่นใช้ เราก็จะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ใช้ ซึ่งความสัมพันธ์นี้มีทั้งด้านกฎหมายและจริยธรรม ผลประโยชน์ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จะได้รับคือ เงิน ความเคารพในตัวเอง ความพึงพอใจที่สามารถเอาชนะความท้าทายทางปัญญา และความพอใจที่ได้ทำงานช่วยเหลือผู้อื่น แต่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ก็มีภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบดูแล ซึ่งได้แก่