ปัจจุบันเกษตรกรยากจนในชนบทประมาณร้อยละ ๒๐ ต้องประสบปัญหาเรื่องขาดโค-กระบือเพื่อใช้งานในการประกอบอาชีพ จำเป็นต้องเสียค่าเช่าโค-กระบือในอัตราสูงคิดเป็นผลิตผลข้าวไม่น้อยกว่า ๕๐-๑๐๐ ถัง ต่อโค-กระบือ ๑ ตัวในหนึ่งฤดูการทำนา นอกจากนี้เกษตรกรยากจนเหล่านี้ก็ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของโค-กระบือได้เลยเนื่องจากราคาสูงและต้องใช้เงินสดในการซื้อ ดังนั้นกรมปศุสัตว์จึงได้ดำเนินการจัดตั้งโครงการธนาคารโค-กระบือขึ้น เพื่อให้เกษตรกรยากจนได้พ้นจากสภาพปัญหาดังกล่าว
"...ธนาคารโคและกระบือ ก็คือ การรวบรวมโคและกระบือโดยมีบัญชีควบคุมดูแลรักษา แจกจ่าย ให้ยืม เพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตร และเพิ่มปริมาณโคและกระบือตามหลักการของธนาคารธนาคารโคและกระบือเป็นเรื่องใหม่ของโลกที่มีความจำเป็นเกิดขึ้น เพราะปัจจุบันมีความคิดแต่จะใช้เครื่องกลไกเป็นเครื่องทุ่นแรงในกิจการเกษตร แต่เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้น ความก้าวหน้าในการใช้เครื่องกลไกเสียไป จำเป็นต้องหันมาพึ่งแรงงานจากสัตว์ที่เคยใช้อยู่ก่อน เมื่อหันกลับมาก็ปรากฏว่ามีปัญหามาก เพราะชาวนาไม่มีเงินซื้อโคกระบือมาเลี้ยงเพื่อใช้แรงงาน
ธนาคารโคและกระบือพอจะอนุโลมใช้ได้เหมือนกับธนาคารที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเงินเพราะโดยความหมายทั่วไป ธนาคารก็ดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งที่มีค่ามีประโยชน์ การตั้งธนาคารโคและกระบือก็มิใช่ว่าตั้งโรงขึ้นมาเก็บโคหรือกระบือ เพียงแต่มีศูนย์กลางขึ้นมา เช่น อาจจัดให้กรมปศุสัตว์เป็นศูนย์รวม ใครจะสมทบธนาคารโคและกระบือก็ไม่จำเป็นต้องนำโคหรือกระบือไปมอบให้ อาจบริจาคในรูปของเงิน..."*
*พระบรมราโชวาทซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ณ บริเวณโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เมื่อวันพืชมงคล ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๓ เพื่อให้เกิดประสิทธิผล
๑. การจัดหาโค-กระบือให้ยืมเพื่อการผลิตและใช้งาน โครงการจะจัดหาแม่โค-กระบือให้แก่เกษตรกรยากจนยืมครอบครัวละ ๑ ตัว โดยผู้ยืมจะต้องแบ่งลูกโค-กระบือที่เกิดมาคนละครึ่งกับธนาคารโค-กระบือ ซึ่งมีคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้บริหารธนาคาร ทั้งนี้โดยราษฎรในหมู่บ้านมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของธนาคาร โดยลูกตัวที่ ๑ จะเป็นของธนาคาร และลูกตัวที่ ๒ จะเป็นของราษฎรผู้ยืม ทั้งนี้ แม่โค-กระบือยังเป็นของโครงการฯ อยู่ เมื่อลูกตัวที่ ๒ โตพอที่จะใช้งานได้แล้ว ธนาคารจะนำแม่โค-กระบือคืน เพื่อนำไปให้ราษฎรรายอื่นยืมต่อไป โดยการยืมนี้ต้องด้รับความเห็นชอบจากปศุสัตว์อำเภอ เพื่อทำสัญญาการยืมกับโครงการฯ ส่วนลูกโค-กระบือที่เป็นของธนาคารทางคณะกรรมการ กม. หรืออพป. จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้ราษฎรผู้ใดยืมทั้งนี้โดยให้ปศุสัตว์อำเภอร่วมให้ความเห็นชอบด้วย๒. การคัดเลือกเกษตรกรผู้ยืมโค-กระบือ พิจารณาจาก
๒.๑ ระดับรายได้สุทธิต่อปี คือจัดกลุ่มเกษตรกรที่มีรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพแล้ว ที่อยู่ในจำนวนใกล้เคียงกันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
๒.๒ การเช่าที่ดินและโค-กระบือเกษตรกรผู้ใดที่เช่าทั้งที่ดินและโค-กระบือจะได้รับการพิจารณาก่อนคนที่เช่าเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในที่นี้จะพิจารณาระดับรายได้ด้วย
คณะกรรมการหมู่บ้านจะเป็นผู้คัดเลือกเกษตรกรยากจนที่มีรายได้ต่ำ จำเป็นต้องเช่าโค-กระบือ มีความประพฤติดี และขยันขันแข็ง จะ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกก่อน แล้วจะลดหลั่นลงมาโดยดูจากรายได้และการเช่าปัจจัยการผลิต นอกจากนั้นในหมู่บ้านใดที่มีวัด จะได้เชิญพระภิกษุสงฆ์หรือเจ้าอาวาสมาร่วมในการพิจารณาคัดเลือตัวบุคคลด้วย เพื่อให้ได้บุคคลที่เชื่อถือได้ และมีความรู้สึกผูกพันกับวัด ซึ่งจะทำให้โครงการนี้ดำเนินการไปอย่างได้ผล
๓. การจัดหาโค-กระบือ เมื่อกรมปศุสัตว์ได้รับอนุมัติงบประมาณแล้วจะพิจารณาจัดสรรเงินให้จังหวัดต่างๆ เพื่อจัดซื้อโค-กระบือสำหรับใช้ตามโครงการ ในการจัดซื้อควรให้เกษตรกรผู้ได้รับการคัดเลือกให้ยืมโค-กระบือเป็นผู้ร่วมในการจัดหา และควรที่จะจัดซื้อในท้องที่ที่จะดำเนินโครงการ ถ้าจำเป็นต้องซื้อในท้องถิ่นอื่น ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อถือเป็นงบประมาณดำเนินการ
๔. การทำสัญญา ทางจังหวัดจะมอบอำนาจให้อำเภอทำสัญญาแทน โดยมีประธานสภาตำบล ประธานกรรมการหมู่บ้านเป็นพยาน และให้ใช้เอกสารตามที่โครงการนี้ได้กำหนดไว้โดยผู้ยืมโค-กระบือจะต้องมีผู้ค้ำประกันหรือผู้รับรอง ในกรณีที่หาไม่ได้ คณะกรรมการจะเป็นผู้หาให้
๕. การดำเนินการเกี่ยวกับการยืมโค-กระบือเพื่อการผลิต เมื่อลูกโค-กระบือของ ธนาคารฯ มีอายุ ๑๘ เดือน ให้ดำเนินการ ดังนี้
๑) หากลูกโค-กระบือของธนาคารฯ เป็นตัวเมีย ให้คณะกรรมการหมู่บ้านพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรยากจนตามข้อ ๒ และนำโค-กระบือไปให้ผู้ได้รับการคัดเลือกยืมเพื่อการผลิตและใช้งานต่อไป ทั้งนี้ต้องรายงานเสนอให้ปศุสัตว์อำเภอเห็นชอบด้วย อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการหมู่บ้านเห็นว่าจะสามารถหาผู้ยืมลูกโค-กระบือได้ก่อนที่ลูกโค-กระบือจะมีอายุถึง ๑๘ เดือนก็สามารถดำเนินการได้
๒) หากลูกโค-กระบือของธนาคารเป็นตัวผู้ ให้ กม. พิจารณาแลกเปลี่ยนเป็นตัวเมียกับเกษตรกรที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนด้วย ในกรณีที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ให้จำหน่ายและรวบรวมเงินไว้เป็นทุนสำหรับซื้อโค-กระบือตัวเมียเพื่อใช้ในการดำเนินงาน
๓) เมื่อลูกโค-กระบือตัวที่ ๒ อายุครบ ๑๘ เดือน ผู้ยืมจะได้รับลูกโค-กระบือตัวนี้ และทางโครงการฯ จะนำแม่โค-กระบือไปให้ราษฎรยากจนรายอื่นยืมเพื่อการผลิตต่อไป