โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ
โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ หมายถึง, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ คือ, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ ความหมาย, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ คืออะไร
ผลจากการขาดวิตามินเอ
หน้าที่ที่สำคัญของวิตามินเอ คือ จำเป็นต่อการเห็น จอตาซึ่งทำหน้าที่ด้านการเห็นนั้นมีเซลล์อยู่ ๒ ชนิดที่เกี่ยวกับการรับแสง ชนิดแรกเรียกว่า "ร็อด" (rod) ซึ่งทำให้เราเห็นในที่สลัว อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "โคน" (cone) ซึ่งทำให้เราเห็นในที่สว่างและเห็นสีสันด้วย การทำงานของเซลล์ ๒ ชนิดนี้ต้องพึ่งวิตามินเอ ดังนั้น เมื่อร่างกายขาดวิตามินเอ อำนาจการเห็นจะเสื่อมสมรรถภาพลงโดยเฉพาะถ้าเกิดในเด็กจะถึงขั้นตาบอดได้ อาการเริ่มแรก คือ ตาบอดแสง โดยเด็กจะมีความลำบากในการ
เห็นเมื่ออยู่ในที่แสงสลัวหรือมืด ความสามารถในการแยกแยะสีบางชนิดเลวลง การขาดวิตามินเอยังมีผลทำให้การเจริญเติบโตชะงักงัน และมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุในอวัยวะต่างๆ เช่น เยื่อตาขาวกระจกตา เยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินปัสสาวะเยื่อบุทางเดินอาหารและผิวหนัง เป็นต้น โดยเซลล์เยื่อบุต่างๆ เหล่านี้สร้างโปรตีนบางชนิดได้น้อยลง รูปร่างเซลล์เปลี่ยนไปจากเดิม มีการทับถมของเซลล์ทำให้หนาตัวขึ้น เช่น ถ้าเป็นที่ผิวหนัง แทนที่ผิวหนังจะราบเรียบ ก็มีลักษณะขรุขระคล้ายหนังคางคก สำหรับที่ส่วนหน้าของลูกตา เซลล์ของเยื่อตาขาวจะหยุดสร้างสารเมือก ทำให้ตาขาวแห้งและเยื่อตาขาวส่วนที่อยู่ด้านนอกของกระจกตาจะมีลักษณะเป็นแผ่นฟองมันๆ ซึ่งเรียกว่า เกล็ดกระดี่ มีการทำลายของเซลล์ที่บุกระจกตา
ทำให้ตาดำแห้ง เกิดการอักเสบ ถ้าเป็นรุนแรงก็ถึงขั้นเน่าเปื่อย ตาดำทะลุ และมีผลทำให้ตาบอดได้
โรคขาดวิตามินเอนี้ พบมากในเด็กที่อยู่ในประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้มีการคาดคะเนว่า เด็กทั่วโลกที่ตาบอดจากการขาดวิตามินเอนั้น มีไม่ต่ำกว่า ๒๕๐,๐๐๐ คนต่อปีการขาดวิตามินเอ มักพบในเด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีนและแคลอรี จึงยิ่งทำให้อัตราตายสูงขึ้น ได้มีผู้รายงานว่า เด็กที่มีตาอักเสบจากการขาดวิตามินเอ เมื่อได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนั้น ร้อยละ ๒๕ ของเด็กที่รอดตายจะตาบอด ร้อยละ ๕๐-๖๐ ยังพอเห็นอยู่บ้าง เพียงร้อยละ ๑๕-๒๕ ที่เห็นได้ตามปกติ
สาเหตุของการขาดวิตามินเอ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไทยในชนบทขาดวิตามินเอนั้นเกิดจากได้วิตามินเอและแคโรทีนจากอาหารไม่เพียงพอ นอกจากนี้ การดูดซึมของวิตามินเอยังต้องอาศัยไขมันและน้ำดี ดังนั้นคนที่กินไขมันน้อยจะมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินเอเลวลง ภาวะที่ขาดโปรตีนและแคลอรี จะทำให้การสร้างเรตินอลไบน์ดิงโปรตีน (retinol binding protein) ลดลง โปรตีนดังกล่าวนี้เป็นโปรตีนพิเศษ ทำหน้าที่ขนถ่ายวิตามินออกจากตับไปสู่ตา ดังนั้นเด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีนและแคลอรี เมื่อขาดวิตามินเอด้วย อาการทางตาจะรุนแรงมาก ภาวะที่ร่างกายต้องการวิตามินเอมากกว่าปกติ เช่น โรคติดเชื้อถ้าได้วิตามินเอไม่พอ ก็เป็นโรคขาดวิตามินเอได้
การป้องกันการขาดวิตามินเอ
เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินเอมากที่สุด และเมื่อเกิดแล้วมักรุนแรงถึงขั้นตาบอด องค์การอนามัยโลกจึงสนับสนุนให้มีการป้องกัน การขาดวิตามินเอในท้องถิ่นที่มีปัญหานี้ โดยให้มีการป้อนวิตามินเอในขนาดที่สูงกว่าความต้องการของร่างกาย เช่น ในเด็กอายุต่ำกว่า ๑ ปี ให้กินวิตามินเอในขนาด ๑ แสน ไอ.ยู. (I.U. = international unit) ถ้าอายุมากกว่า ๑ ปี ให้กินขนาด ๒ แสน ไอ.ยู. เพียงครั้งเดียว ระดับที่ให้นี้สามารถป้องกันการขาดวิตามินเออยู่นาน ๓-๖ เดือน สิ่งที่กล่าวมาแล้วเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่การแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำควบคู่ไปด้วย เช่น ส่งเสริมให้ปลูกผักสวนครัว ให้ได้อาหารที่ให้แคโรทีนที่ดี และต้องนำเอาอาหารเหล่านั้นมากินในชีวิตประจำวันด้วย
โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ หมายถึง, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ คือ, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ ความหมาย, โรคตาบอดจากการขาดวิตามินเอ คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!