เคยไหม?การตรวจภายใน? แล้วเคยไหม? เช็คสุขภาพภายในด้วยตัวเอง????
การตรวจภายใน nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp มะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ การวินิจฉัยได้เร็วจะทำให้การรักษาได้ผลดี ผู้ชายมักจะเป็นมะเร็งในที่ซ่อนเร้นทำให้เมื่อเกิดอาการโรคก็ลุกลามจนยากจะเยียวยาเช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ แต่สำหรับผู้หญิงนับว่าโชคดีเพราะเป็นมะเร็งในที่สามารถตรวจได้เร็ว เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูกเรื่องมะเร็งเต้านมก็สามารถคลำได้ด้วยตัวเอง ส่วนมะเร็งปากมดลูกก็มีการตรวจ Pap test ซึ่งสามารถให้การวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว เรามารู้จักกันว่า Pap test เป็นอย่างไร ใครที่ต้องตรวจ Pap test nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp แน่นอนว่าต้องเป็นผู้หญิงและต้องอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ด้วย สมาคมโรคมะเร็งของอเมริกาได้แนะนำให้เริ่มตรวจ Pap หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกไปแล้ว 3 ปี หรือมีอายุมากกว่า 21 ปีแม้ว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ให้ตรวจตามตารางข้างล่าง xml namespace prefix o ns urn schemas-microsoft-com office office nbsp nbsp 21 - 29 ให้ตรวจปีละครั้ง 30 - 69 ให้ตรวจทุก 2-3 ปีหากการตรวจ 3 ครั้งหลังให้ผลปกติ 70 และมากกว่า ให้หยุดตรวจเมื่อการตรวจ 3 ครั้งหลังและ 10 ปีที่ผ่านมาผลการตรวจปกติ หากว่าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างล่างนี้จะต้องตรวจ Pap test ทุกปี middot nbsp มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และมีเคยมีคู่หลายคน middot nbsp ปัจจุบันมีคู่ขาหลายคน middot nbsp คู่ขามีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและมีแฟนหลายคน middot nbsp เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ middot nbsp ประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก middot nbsp เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหรือเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก middot nbsp เป็นโรคหูดหงอนไก่ middot nbsp สูบบุหรี่ middot nbsp ติดเชื้อ HIV middot nbsp เป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนเช่น มะเร็ง การตรวจภายในต้องเตรียมตัวอย่างไร สำหรับท่านที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธุ์หรือตรวจครั้งแรกก็อาจจะทำใจยากสักหน่อย ส่วนผู้ที่เคยตรวจมาแล้วก็คงจะเข้าใจขั้นตอนและความจำเป็นวิธีการเตรียมตัวก่อนไปตรวจ Pap test middot nbsp ก่อนไปตรวจก็ควรทำความสะอาดภายนอกโดยใช้สบู่ธรรมดา ไม่ต้องใส่น้ำหอมหรือกลิ่น middot nbsp ควรสวมกระโปงหรือกางเกงหลวมๆที่สามารถถอดออกง่าย middot nbsp ไม่ควรจะไปเล่นกีฬาหรือไป shopping ก่อนการตรวจ middot nbsp ควรจะงดการมีเพศสัมพันธุ์ก่อนการตรวจ middot nbsp ไม่ควรสวนหรือล้างภายในช่องคลอด middot nbsp ไม่ควรจะเหน็บยา middot nbsp ไม่ควรไปตรวจช่วงมีประจำเดือน วิธีการตรวจ xml namespace prefix v ns urn schemas-microsoft-com vml nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp มื่อท่านได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าต้องการจะตรวจภายใน เจ้าหน้าที่ก็จะนำท่านไปพบแพทย์หลังจากซักประวัติและตรวจร่างกายแล้วก็จะเข้าห้องตรวจภายในซึ่งเป็นห้องที่มิดชิดพอสมควร เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ท่านเปลี่ยนกางเกงหรือกระโปงเป็นผ้าที่มีลักษณะเหมือนผ้าถุง เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำท่านไปยังเตียงตรวจซึ่งไม่เหมือนกับเตียงตรวจที่ท่านเคยเห็น เมื่อนอนเตียงเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่จะให้ท่านวางเท้าไว้บนขาหยั่งซึ่งจะทำให้ท่านต้องแยกขาออก เจ้าหน้าที่จะเปิดผ้าถุง และนำผ้ามาคลุมและเปิดช่องไว้เพียงพอในการตรวจ หลังจากนั้นจะเรียกแพทย์มาตรวจ แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วจึงใส่ speculum เพื่อขยายช่องคลอด การเลือด speculum แพทย์จะอาศัยประวัติการมีเพศสัมพันธ์และประวัติการคลอดบุตร การใส่ speculum อาจจะสร้างความอึกอัดเล็กน้อย หลังจากนั้นแพทย์จะใช้ไม้ไปขูดเนื้อเยื่อที่ปากมดลูก และนำเซลล์นั้นไปส่งตรวจหามะเร็ง การแปลผล หลังจากที่แพทย์ส่งเซลล์ไปตรวจต้องใช้เวลารอสัก 2-3 วันผลรายงานที่ออกมามีดังนี้ middot nbsp ปกติหรือ xml namespace prefix st1 ns urn schemas-microsoft-com office smarttags Normal หมายถึงตรวจไม่พบเซลล์ที่ผิดปกติ ดังนั้นไม่ต้องทำอะไรต่อ middot nbsp Atypical squamous cells of undetermined significance มีความผิดปกติของเซลล์แต่ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อหรือการอักเสบของปาดมดลูก แพทย์จะแนะนำให้มาตรวจซ้ำ middot nbsp Squamous intraepithelial lesion ลักษณะที่ตรวจพบจะมีโอกาศเป็นมะเร็งได้สูง แพทย์จะต้องนัดตรวจเพิ่มเติม middot nbsp Atypical glandular cells หากได้รับรายงานนี้แพทย์ต้องตรวจต่อ middot nbsp Squamous cancer or adenocarcinoma cells ผลออกมาแบบนี้ก็ต้องตรวจต่อว่าเป็นมะเร็งมากแค่ไหน เพื่อวางแผนการรักษา เมื่อได้รับรายว่าว่าผลการตรวจ Pap แพทย์จะนัดมาตัดชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกเพื่อการวินิจฉัยที่แน่นอน nbsp
