การจับมือทักทาย?
ทำไมผู้ชายจึงทักทายกันด้วยการจับมือ แต่กิริยาเช่นนี้ไม่ปฏิบัติกันในหมู่ผู้หญิง วราภรณ์ ศรีสุทัศน์ อยุธยา
ทำไมผู้ชายจึงทักทายกันด้วยการจับมือ แต่กิริยาเช่นนี้ไม่ปฏิบัติกันในหมู่ผู้หญิง วราภรณ์ ศรีสุทัศน์ อยุธยา
ในสมัยอียิปต์เมื่อ ๒ ๘๐๐ ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ การจับมือทักทาย handshake ใช้เป็นสัญลักษณ์ของ |การให้| ที่พระเจ้าส่งมอบอำนาจให้ผู้ปกครองบนพื้นโลก ดังปรากฏในภาษาภาพของอียิปต์เป็นรูปมือยื่นออกมา ซึ่งหมายถึง |การให้| ในสมัยบาบิโลเนีย ประมาณ ๑ ๘๐๐ ปีก่อนคริสต์ศตวรรษกษัตริย์จะต้องจับมือรูปปั้นมาร์ดุ๊ก-หัวหน้าเทพยดาแห่งความเจริญในเทศกาลขึ้นปีใหม่ทุกปี เพื่อเป็นการสืบต่ออำนาจการเป็นกษัตริย์อีก ๑ ปี ต่อมาเมื่อพวกอัสซีเรียนเอาชนะและครอบครองบาบิโลเนียได้กษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาของอัสซีเรียนก็จำต้องรับเอาพิธีกรรมนี้ไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการลบหลู่พระเจ้า ไมเคิล แองเจลโล ศิลปินชื่อดังของโลกก็ได้รังสรรค์ภาพการสัมผัสมือกับพระเจ้าไว้บนเพดานหอสวดซิสทีน วัฒนธรรมพื้นบ้านก็พอจะให้สืบเค้าถึงต้นเหตุแห่งการสัมผัสมือได้ สมัยก่อนชาวบ้านเวลาพบชายแปลกหน้าจะชักดาบสั้นออกมาโดยอัตโนมัติ ฝ่ายชายแปลกหน้าก็ชักออกมาเช่นกัน จากนั้นทั้งสองฝ่ายจะค่อย ๆ เดินวนดูเชิงกัน ถ้าเกิดพอใจจะเจรจากันมากกว่าจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง ก็จะเก็บดาบเข้าฝักและยื่นมือขวาซึ่งเป็นมือสำหรับ ถืออาวุธออกมา เป็นเครื่องหมายแสดงการสมานไมตรี วัฒนธรรมนี้จึงอธิบายได้ด้วยว่า เหตุใดผู้หญิงซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีจารึกว่าเป็นผู้ที่ต้องถืออาวุธ จึงไม่มีวัฒนธรรมการสัมผัสมือ ส่วนวัฒนธรรมการแสดงกิริยาทักทายอื่น ๆ มีที่มาดังนี้การที่สุภาพบุรุษทักทายด้วยการแตะหมวก มีมาแต่สมัยอัสซีเรียนเชลยศึกในสมัยนั้นต้องถูกเปลื้องผ้าเพื่อแสดงการยอมเป็นทาสแก่ผู้ชนะส่วนกรีกจะให้คนใช้ที่ได้มาใหม่ถอดเสื้อออก การปลดชิ้นส่วนของเครื่องแต่งกายกลายเป็นกิริยาแสดงความเคารพที่เป็นที่ยอมรับ คนโรมันเวลาเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะถอดรองเท้าก่อน ต่อมาจึงถือเป็นประเพณีที่คนต่ำกว่าต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านของผู้ที่สูงศักดิ์กว่า จนถึงปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนี้อยู่ในอังกฤษ ผู้หญิงจะถอดถุงมือเวลาแนะนำตัวต่อบุคคลในราชวงศ์ความจริงยังมีกิริยาอีกสองอย่างที่ใช้แสดงเวลาพบกัน คือ การโค้งคำนับของผู้ชาย และการถอนสายบัวของผู้หญิง ซึ่งถือเป็นการแสดงการยอมจำนนหรือแสดงความเคารพนับถือนั่นเอง นอกจากนี้การถอนสายบัวก็มีที่มาจากการคุกเข่าต่อหน้าพระเจ้า ราวยุคกลางในยุโรป ลักษณะที่แสดงการเป็นทาสในปกครองของเจ้าที่ดิน คือ การปล่อยศีรษะว่างเปล่าไม่สวมหมวก โดยมีความหมายเช่นเดียวกับในสมัยต่อมาว่า “ ข้าเป็นทาสอันซื่อสัตย์ของท่าน ” และเป็นการแสดงกิริยาที่สำนักคริสเตียนนำมาใช้ คือ ให้ผู้ชายถอดหมวกก่อนเข้าโบสถ์ อย่างไรก็ดี การแตะหมวกได้กลายเป็นมารยาทที่ยอมรับกันว่าเป็นการแสดงความเคารพแก่ผู้ที่เสมอภาคกัน “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!