ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี?, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี? หมายถึง, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี? คือ, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี? ความหมาย, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี? คืออะไร
ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี?
nbsp nbsp nbsp nbsp ดูดู๋ จู่ ๆ ผู้ร่วมทีมของท่านผู้ว่าฯ nbsp พิจิตต ก็เกิดปิ๊งไอเดียคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้าตากเพื่อแก้ปัญหาจราจรเสียแล้ว ผมคิดว่าเป็นความคิดที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร พวกเขาคงไม่รู้ว่า อนุสาวรีย์พระเจ้าตากมิใช่รูปปั้นธรรมดาแต่ผูกพันกับจิตใจของชาวฝั่งธนอย่างที่ยากจะอธิบายขอให้ ldquo ซองคำถาม rdquo ลงประวัติการก่อสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากด้วย เพื่อคนรุ่นหลังจะได้รับรู้ไว้ quot คนฝั่งธน quot กรุงเทพฯ
คำถามนี้มีมาในช่วงที่เรื่องนี้เป็น “ เรื่องร้อน ” หนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไว้แล้ว “ ซองคำถาม ” จึงไม่คิดจะนำมาตอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปและได้นำข้อมูลมาอ่านอีกครั้ง จึงสะกิดใจกับข้อมูลที่ว่า รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลงคะแนนเลือกแบบอนุสาวรีย์ด้วย จึงเป็นเรื่องน่าทึ่งว่า การขอ “ ประชามติ ” และเปิดให้มี “ ประชาพิจารณ์ ” กลาย ๆ ได้มีมาตั้งแต่สมัยปู่สมัยพ่อเราแล้ว พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ประดิษฐานอยู่กึ่งกลางวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี นอกจากเป็นที่เคารพบูชาแล้ว ยังถือเป็นที่หมาย landmark สำคัญของเมืองด้วย ใน พ ศ ๒๔๗๗ นายทองอยู่ พุฒพัฒน์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดธนบุรีขณะนั้น ได้เป็นผู้นำในการเสนอเรื่องให้รัฐบาลสมัยพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรีสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ณ กลางวงเวียนใหญ่ จังหวัดธนบุรี รัฐบาลจึงมอบให้กรมศิลปากรออกแบบ กรมศิลปากรได้ออกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ไว้ ๗ แบบ นำออกตั้งแสดงในงานรัฐธรรมนูญปี พ ศ ๒๔๘๐ เพื่อขอมติมหาชน โดยผู้ใดชอบแบบใดก็ขอให้บริจาคทรัพย์เป็นคะแนนเสียงใส่ในตู้ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าภาพนั้น การนับคะแนนเสียงนับชิ้นหนึ่งเป็นเสียงหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงค่าของเงิน และเงินเหล่านั้นจะส่งเข้าสมทบทุนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ปรากฏว่ามติมหาชนเลือกแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ดังที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับคะแนนสูงสุด คือ ๓ ๙๓๒ คะแนน ส่วนด้านประชาชนก็ได้จัดงานขึ้นที่วัดอินทาราม เขตธนบุรี เพื่อหาทุนสมทบในการก่อสร้าง ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ การดำเนินงานจึงหยุดชะงักไป การดำเนินงานก่อสร้างได้เริ่มอีกครั้งเมื่อ พ ศ ๒๔๙๑ โดยนายทองอยู่ พุฒพัฒน์ และนายเพทาย โชตินุชิต สมาชิกสภาเทศบาลนครธนบุรี รื้อฟื้นเรื่องขึ้น และนายเพทาย โชตินุชิต ในฐานะผู้แทนราษฎรจังหวัดธนบุรี ได้นำเสนอเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ พ ศ ๒๔๙๒ รัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เริ่มงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์โดยเปิดรับเงินเรี่ยไรจากประชาชนด้วย ในการก่อสร้าง กรมศิลปากรได้ออกแบบและปั้นหล่อพระบรมรูป ออกแบบแท่นฐาน เรียบเรียงคำจารึก และจัดทำแผ่นจารึก กรมโยธาธิการตกแต่งบริเวณวงเวียนใหญ่ และบริษัท สหการก่อสร้าง จำกัด ก่อสร้างแท่นฐาน ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ปั้นพระบรมรูปในลักษณะทรงม้า แล้วเสร็จเมื่อ เดือนสิงหาคม พ ศ ๒๔๙๔ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และเททองหล่อพระเศียรเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ปีเดียวกัน เมื่องานก่อสร้างทั้งหมดแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ ศ ๒๔๙๗ พระบรมรูปอยู่ในพระอิริยาบถทรงม้าออกศึก ทรงเครื่องนักรบอย่างพระมหากษัตริย์ สวมพระมาลาเบี่ยง พระหัตถ์ขวาชูพระแสงดาบ ผินพระพักตร์ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามพระราชประวัติ คือมุ่งสู่จังหวัดจันทบุรีเพื่อรวบรวมกำลังกู้ชาติบ้านเมือง พระหัตถ์ซ้ายทรงบังเหียน ม้าศึกอยู่ในอิริยาบถที่กำลังจะออกวิ่งทะยานไปข้างหน้า หล่อด้วยสำริด ประดิษฐานบนแท่นเสาสูงทรงรี แต่มุมทั้งสี่ย่อเหลี่ยม หล่อด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีจารึกรูปประติมากรรมนูนต่ำตามความหมายทางประวัติศาสตร์ ที่ผนังด้านยาวของฐานทั้งสองด้าน ด้านละ ๒ รูป ด้านซ้าย ภาพบนเป็นภาพราษฎร มีเด็ก ผู้หญิง ชายฉกรรจ์ และคนชรา ในสภาพเศร้าสร้อย หมดหวัง เบื้องหลังเป็นซากเจดีย์และปราสาทราชวัง ภาพล่าง ภาพสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและทหารไทย ชักชวนราษฎรร่วมกันกอบกู้ชาติ ด้านขวา ภาพบนเป็นภาพทหารไทยขับไล่ทหารพม่า และภาพล่างเป็นภาพบ้านเมืองที่อยู่เย็นเป็นสุข ผู้หญิงกำลังเก็บผลไม้ เด็ก ๆ หยอกเย้ากัน ชายฉกรรจ์ให้อาหารวัว เบื้องหลังเป็นหมูต้นไม้ร่มรื่น เห็นพระปรางค์และหลังคาโบสถ์อยู่ไกลออกไป ด้านหน้าติดแผ่นสำริดจารึกคำเทิดพระเกียรติและประวัติการสร้าง แท่นฐานนี้ตั้งบนฐานยกพื้นมีลานเดินรอบ ด้านหน้าก่อแท่นตั้งกระถางธูป มีบันไดขึ้นลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังความสูงของพระบรมราชานุสาวรีย์ประมาณ ๑๕ เมตร คือจากแท่นที่ม้ายืนถึงพระหัตถ์ที่ชูพระแสงดาบ ๔ ๒๐ เมตร จากพื้นดินถึงแท่นที่ม้ายืน ๙ ๙๐ เมตร ปัจจุบันพระบรมราชานุสาวรีย์อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร และในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสวยราชย์ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทางราชการกำหนดเป็นวันถวายบังคมพระบรมรูปทุกปีเสมอมา “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี หมายถึง, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี คือ, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี ความหมาย, ใครบังอาจคิดย้ายอนุสาวรีย์พระเจ้ากรุงธนบุรี คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!