ความรู้ เกร็ดความรู้ สารานุกรม สารานุกรมออนไลน์ ความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป พจนานุกรม เกมส์ เพลงใหม่ เพลง

ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ หมายถึง, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ คือ, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ความหมาย, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ คืออะไร
| เปิดอ่าน 0 | ความคิดเห็น 0
ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์

ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์

ชาวจีนมีเรื่องเล่าและนิทานพื้นบ้านมากมายสำหรับทุกๆเทศกาล อย่างเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ก็เช่นกัน ชาวจีนถือว่าเทศกาลวันไหว้พระจันทร์มีความสำคัญที่สุดพอๆกับเทศกาลตรุษจีน ดังนั้นจึงมีเรื่องเล่ามากมายที่อธิบายว่าทำไมจึงต้องเฉลิมฉลองให้กับพระจันทร์ มาอ่านเรื่องราวและขนบธรรมเนียมประเพณีเหล่านี้กัน

ตำนานเรื่อง “ไปสู่พระจันทร์”

ตำนานของเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่เล่าขานกันมากที่สุดคือเรื่องของชายหนุ่มผู้มีชีวิตชีวา นามว่าโฮ่วยี่ กับภรรยาแสนสวยชื่อฉางเอ๋อ ทั้งคู่ครองรักกันมานานหลายปี จนอยู่มาวันหนึ่ง จู่ๆก็มีพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นถึง 10 ดวงล้อมรอบโลก ความร้อนและแสงแดดที่แผดเผาจนแผ่นดินแตกระแหงได้สร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสให้กับชาวโลก

ตำนานวันไหว้พระจันทร์

โฮ่วยี่ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในการเป็นนักแม่นธนูได้แบกคันธนูและลูกธนูคู่ใจเดินทางไปหาพระอาทิตย์ เขายิงธนูทำลายพระอาทิตย์ลงได้ถึง 9 ใน 10 ดวง และกลายเป็นวีรบุรุษ ด้วยความดีความชอบนี้ทำให้โฮ่วยี่ได้พบกับเจ้าแม่หวังหมู่ ผู้เป็นฮองเฮาแห่งสวรรค์ เจ้าแม่ได้มอบยาอายุวัฒนะให้กับโฮ่วยี่ ซี่งใครก็ตามที่ดื่มยาอายุวัฒนะนี้เข้าไปจะกลายเป็นเซียนและได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งนี้โฮ่วยี่ไม่รู้เลยว่าเผิงเหมิง ศิษย์รุ่นน้องร่วมสำนักยิงธนูผู้มีแต่ความอิจฉาริษยาและความพยาบาทได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

เผิงเหมิงแอบสะกดรอยตามโฮ่วยี่กลับบ้าน และเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ ได้ยินโฮ่วยี่บอกฉางเอ๋อผู้เป็นภรรยาว่าให้เก็บยาอายุวัฒนะนี้ไว้ก่อนเพราะตัวเขาจะออกเดินทางไปล่าสัตว์ เมื่อโฮ่วยี่ไปแล้ว เผิงเหมิงก็สบโอกาสรุดเข้าไปในบ้านและบังคับให้ฉางเอ๋อมอบยาอายุวัฒนะให้ ฉางเอ๋อไม่รู้จะทำอย่างไรจึงดื่มยานั้นลงไปทั้งหมด บัดนั้นเองนางก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า

ฉางเอ๋อลอยขึ้นไปหาพระจันทร์หลังจากดื่มยาอายุวัฒนะ

ฉางเอ๋อเจ็บปวดหัวใจยิ่งนักเพราะรู้ว่าจะต้องพรากจากสามีไปชั่วนิรันดร์ ความเจ็บปวดนี้ได้นำพานางไปยังพระจันทร์ ซึ่งอยู่ใกล้โลกมากที่สุด

ตำนานวันไหว้พระจันทร์
เมื่อโฮ่วยี่กลับถึงบ้านก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไร้เงาของทั้งภรรยาและยาอายุวัฒนะ เขาโซซัดโซเซออกมานอกบ้าน ร่ำไห้ต่อสวรรค์ด้วยความตื่นตระหนกและเสียใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ เสียงสะอื้นของเขาก็ขาดห้วงไปเพราะได้เห็นดวงหน้าของฉางเอ๋อผู้เป็นที่รักอยู่ในนั้น โฮ่วยี่รีบนำอาหารที่นางชอบมาตั้งเพื่อเป็นเครื่องเซ่นสรวงบูชาแก่ความรักของเขาที่อยู่บนสรวงสวรรค์

ตำนานวันไหว้พระจันทร์
เมื่อเสียงร่ำลือถึงเรื่องของฉางเอ๋อแพร่สะพัดไป ชาวบ้านต่างก็พากันหลั่งไหลมาที่วัดเพื่อนำเครื่องเซ่นไหว้มาขอพรจากนาง ในไม่ช้าสิ่งนี้ก็ได้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งคุณคงเดาได้ว่ามันก็คือเทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกวันนี้นี่เอง

ตำนานเรื่อง “กระต่ายหยกในพระจันทร์”

วันหนึ่งเทพ 3 องค์ได้ตกลงกันว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศจากความหรูหรางดงามบนสวรรค์มาเป็นการท่องเที่ยวบนพื้นโลก จึงแปลงกายเป็นตาเฒ่าเร่ร่อนสามคนเดินท่อมๆตระเวนไปทั่วชนบท เมื่อเหล่าเทพเริ่มหิวก็ตัดสินใจว่าจะทดสอบความมีน้ำใจของบรรดาสัตว์โลก จึงเข้าไปขอปันอาหารจากกระต่าย สุนัขจิ้งจอก และลิง ทั้งสุนัขจิ้งจอกและลิงต่างออกไปหาอาหารและนำอาหารมาให้เหล่าเทพได้จำนวนหนึ่ง ในขณะที่กระต่ายกลับมามือเปล่าเพราะหาอาหารไม่ได้ กระต่ายรู้สึกว้าวุ่นใจมากจึงร้องด้วยความเสียใจว่า “กินฉันเถอะ” แล้วกระโดดเข้ากองไฟเพื่อย่างตัวเองให้เป็นอาหาร เทพทั้งสามรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากในความมีน้ำใจของกระต่าย จึงส่งมันขึ้นไปอยู่กับฉางเอ๋อบนพระจันทร์ และตั้งให้เป็นเทพกระต่ายหยก เทพกระต่ายหยกได้อาศัยอยู่ในวังจันทรา และทำหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะให้เหล่าทวยเทพบนสวรรค์จวบจนทุกวันนี้

ตำนานวันไหว้พระจันทร์

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติศาสตร์ที่ไม่ควรพลาด

มาดูการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ในแต่ละยุคสมัยกัน

  1. ยุคราชวงศ์โจว (1024-256 ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นช่วงเวลาของราชวงศ์ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นยุคโบราณ บรรดาจักรพรรดิในสมัยนั้นจะเชื่อในการบูชาพระจันทร์อย่างสุดจิตสุดใจ รวมไปถึงการเซ่นสรวงสังเวยด้วย ปัจจุบันพิธีกรรมนี้ไม่เป็นที่นิยมในเทศกาลแบบสมัยใหม่แล้ว จะยังคงหลงเหลืออยู่บ้างในชนบทที่ห่างไกลเท่านั้น
  2. ยุคสามก๊ก (ค.ศ.220-280) ยุคนี้เป็นจุดเริ่มต้นของพิธีการและการแสดงออกในเชิงสังคม โดยบรรดาสมาชิกในครอบครัวจะมานั่งล้อมวงกันกลางแจ้ง จิบชาคู่กับการรับประทานของว่างที่มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์ และชื่นชมแสงจันทร์ไปด้วย ตัวอย่างของว่างเหล่านั้นก็เช่นแตงโม ถั่วเขียวต้ม ส้ม ส้มโอ และไวน์ (อย่างหลังนี่รูปร่างไม่เหมือนพระจันทร์ก็จริง แต่ก็จะขาดเสียมิได้ในทุกการเฉลิมฉลอง) ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ทำให้พิธีการเฉลิมฉลองมีความเข้มงวดและความเป็นทางการน้อยลง อีกทั้งสมาชิกในครอบครัวก็ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นวัตถุประสงค์หลักของเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน
    ความกลมเหมือนพระจันทร์ของส้มโอทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ธรรมเนียมหนึ่งที่นิยมกันมากคือการเลาะเปลือกส้มโอแล้วนำมาวางบนศีรษะ อย่างที่ฟิโอน่าทำอยู่ ตลกดีที่การกระทำอย่างนี้ทำให้ดูเหมือนทรงผมแบบหนึ่งของนิกกี้ มินาจไปได้
  3. ยุคราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1271-1368) จากขนมไหว้พระจันทร์ที่ขึ้นชื่อว่าต้องเคี้ยวกันจนเหนื่อยและไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนักได้กลายมาเป็นของสำคัญในยุคราชวงศ์หยวน เมื่อบรรดาแม่ทัพเริ่มสื่อสารกับทหารในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยการส่งขนมไหว้พระจันทร์ที่มีสาล์นลับซ่อนอยู่ข้างในไปให้เป็นของขวัญ จากนั้นเป็นต้นมาสิ่งนี้ก็กลายเป็นธรรมเนียม และขนมไหว้พระจันทร์ก็เป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้

       ผู้คนเข้าคิวยาวเพื่อรอรับขนมไหว้พระจันทร์ฟรีที่มหาวิทยาลัย Gwilym

ผู้คนเข้าคิวยาวเพื่อรอรับขนมไหว้พระจันทร์ฟรีที่มหาวิทยาลัย Gwilym นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยล่ะ

         ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในประเทศจีนก็ล้วนแต่มีเรื่องเล่า ซึ่งเรื่องเดียวกันนั้นอาจถูกปรับเปลี่ยนดัดแปลงไปได้ถึง 30 เวอร์ชั่น เพราะฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกแย่หากเรื่องเล่าของเราไม่ตรงกับที่คุณเคยได้ยินมา คุณจะเล่าเรื่องในแบบของคุณให้เราฟังก็ได้นะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://chinesepod.com/blog/2015/09/25/funny-weird-stories-from-the-mid-autumn-festival/

อ่านข้อมูลวันไหว้พระจันทร์เพิ่มเติม

ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ หมายถึง, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ คือ, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ความหมาย, ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์ คืออะไร

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

คำยอดฮิต

Sanook.commenu