![นมผึ้ง Royal jelly บำรุงร่างกายและผิวพรรณ คงความสาว](https://s.isanook.com/gu/0/ui/5/27113/Bee-Pollen-Royal-Jelly.jpg?ip/crop/w300/q90/webp)
ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มาใช้เป็นอาหารเสริมความงามของผิวพรรณกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่ง “นมผึ้ง” เองก็ เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่เชื่อกันว่า มีสรรพคุณในการช่วยคงความอ่อนเยาว์ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ทำให้ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ อย่างมากทีเดียว
สำหรับในวันนี้ ขอพาคุณสาวๆ ไปเจาะลึกถึงเจ้านมผึ้งนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกาย และคงความสาวเอาไว้ได้อย่างยาวนานจริงหรือไม่?
นมผึ้งคืออะไร
![](https://www.kondoodee.com/uploaded/misc/images/royal-jelly-1.jpg)
นมผึ้ง (royal jelly) จากธรรมชาติแท้ๆ จะมีรสชาติเปรี้ยว และเผ็ดในลำคอ เป็นอาหารของตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งถูกผลิตขึ้นจากต่อมบริเวณส่วนหัวของผึ้ง นมผึ้งนั้นมีคุณค่าทางสารอาหารที่สูงมาก ถ้าหากตัวอ่อนตัวไหนได้รับการป้อนนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะกลายมาเป็นผึ้งนางพญาในที่สุด และนางพญาผึ้งมีอายุยืนยาวมากกว่าผึ้งงานธรรมดาถึง 10 เท่า
Dr.Yoshinabu จากประเทศญี่ปุ่น ได้รายงานผลวิจัยเอาไว้ในหนังสือ “พลานามัยและอายุยืนด้วยนมผึ้ง” ว่า นมผึ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์มาก โดยช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีพลานามัยดี การเจริญเติบโตเป็นไปตามวัยและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระบบการทำงานส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้น และยังช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย
สาร 10-HAD ในน้ำนมผึ้งคืออะไร และสำคัญอย่างไร
![](https://www.kondoodee.com/uploaded/misc/images/jeely.jpg)
สาร 10-HAD (10-Hydroxy-2-Drcenoid Acid) เป็นสารที่สามารถพบได้ในนมผึ้งเท่านั้น มีคุณสมบัติในการช่วยระบบต้านทานโรคในร่างกายของมนุษย์ ป้องกันอาการเจ็บป่วย และเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย
นอกจากนี้ จากผลวิจัยทางการแพทย์ยังพบว่า การได้รับสาร 10-HAD อย่างเหมาะสม ยังช่วยปรับพฤติกรรมของเซลล์ให้แข็งแรง ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวมีอายุที่ยืนยาวได้มากยิ่งขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของสองที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของเซลล์ เช่น โรคสมองฝ่อ เป็นต้น รวมไปถึงการฟื้นฟูการเสื่อมของเซลล์ในอวัยวะส่วนต่างๆได้อีกด้วย
ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงร่างกาย
เชื่อกันว่าหากรับประทานนมผึ้งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอแล้ว จะทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย ดังต่อไปนี้
- ช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นไม่อ่อนเพลีย
- ช่วยในการบำรุงเส้นผม
- เพิ่มอัตราการดูดซึมอาหาร และช่วยให้มีการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น
- เพิ่มอัตราการขับของเสียของร่างกาย และคาบอนไดออกไซต์
- ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ให้มากยิ่งขึ้น
- ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ทั้งในของเด็กและผู้สูงอายุให้มากยิ่งขึ้น
- ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีจำนวนมากยิ่งขึ้น และควบคุมแร่ธาตุ รวมไปถึงอิเลคโตไลท์ในเลือดให้มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
- ช่วยบรรเทารักษาอาการนอนไม่หลับ ด้วยส่วนประกอบของกรดสำคัญที่ชื่อ Decenonic Acid ซึ่งเป็นกรดจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการคลายเครียด และทำให้ประสาทมีการผ่อนคลาย
- ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเมื่อรับประทาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
- ช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และบรรเทาอาการเรื้อรังของมะเร็งได้อีกหลายชนิด
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด โดยในนมผึ้งจะมีสาร Peptide ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน จึงสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลงได้
- ช่วยในการลดการอักเสบของข้อต่อ และเนื้อเยื่อ เนื่องจากในนมผึ้งมีสารที่ส่งผลเหมือนกับสเตียลอยด์ แต่ไม่มีอันตรายและผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูสมรภาพของเนื้อเยื่อต่างๆ หลังจากจากเจ็บป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น โดยการช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว จึงสามารถช่วยในการขจัดพิษและต้านทานกสนแผ่กัมตภาพรังสี
- ช่วยเพิ่มพัฒนาการของเด็ก ทำให้เด็กมีการเจริญเติบโต ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา ความเจริญอาหาร และเพิ่มส่วนสูง
- ช่วยเพิ่มสมรภาพทางเพศให้กับเพศชาย ให้คงอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
- ช่วยในการปรับความดันโลหิต ความดันสูงให้ลดลงอยู่ในระดับปกติ
- ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง ด้วยส่วนผสมของกรดโฟลิค และวิตามินบี
ประโยชน์ของนมผึ้งในการบำรุงผิวพรรณ
![](https://www.kondoodee.com/uploaded/misc/images/170211095.jpg)
นมผึ้ง มีส่วนประกอบที่เต็มไปด้วยคุณค่าในการช่วยบำรุงผิวพรรณ ดังต่อไปนี้
- อุดมด้วยวิตามินบีรวม (บี1 บี2 บี3 บี6 บี12)
- ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยมีส่วนประกอบของ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอส จึงช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ซึ่งตามปกติแล้วยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะยิ่งมีการสร้างเซลล์ลดน้อยลง นมผึ้ง มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ส่งผลให้เกิดการชะลอความแก่ลง
- ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง และเพศชาย ทำให้สามารถคงความหนุ่มสาวได้เป็นระยะเวลายาวนานมากขึ้นถึง 20 %
- ช่วยในการบำรุงผิว ยังยั้งรอยเหี่ยวย่น ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และลดอาการอักเสบของผิวหน้า ด้วยส่วนประกอบของเจลลาติน โปรตีน และกรดอะมิโน
การใช้นมผึ้งในการเสริมความงามด้วยตัวเอง
![](https://www.kondoodee.com/uploaded/misc/images/Bee-Pollen-Royal-Jelly.jpg)
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้นมผึ้ง หรือแม้แต่พิษผึ้ง เป็นส่วนประกอบออกมาหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับรับประทาน ครีมทาผิว เป็นต้น ซึ่งนมผึ้งยังสามารถนำใช้ในการบำรุงผิวพรรณ ด้วยการประยุกต์ใช้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1. การพอกหน้าด้วยนมผึ้ง นำน้ำนมผึ้งมาทาลงผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. การชงดื่ม สามารถดื่มน้ำนมผึ้งได้เลยโดยตรง หรือผสมนมผึ้งกับน้ำผึ้ง ในอัตรา 1 ต่อ 3 ส่วน จากนั้นให้ทำการดื่มได้เลย หรือจะนำไปผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆได้ตามต้องการ
3. การอมนมผึ้ง โดยการอมนมผึ้งปริมาณประมาณ 1 ช้อนชา อมไว้ใต้ลิ้นหรืออมเอาไว้ในปากประมาณ 3-5 นาที เมื่อนมผึ้งละลายในปากจนหมดแล้ว จึงค่อยทำการกลืนลงไป
วิธีการเก็บรักษานมผึ้งที่ถูกต้อง
ควรทำการเก็บนมผึ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำๆ หากทำการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง จะสามรถเก็บเอาไว้ได้นานถึง 3 ปี แต่ถ้าหากนมผึ้งที่เก็บเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ เริ่มมีสีที่ไม่แวววาว เปลี่ยนเป็นสีเทา มีกลิ่นคล้ายเหล้า กลิ่นแก็ซ หรือกลิ่นเน่า แสดงว่านมผึ้งดั่งกล่าวหมดอายุแล้ว ไม่ควรนำมาทำการรับประทานโดยเด็ดขาด
ข้อควรระวังในการใช้นมผึ้งเพื่อบำรุงร่างกาย
![](https://www.kondoodee.com/uploaded/misc/images/master_Raw-butter-and-raw-honey-from-tres-fresh.jpg)
โดยส่วนใหญ่แล้วนมผึ้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับบางคนที่ทานนมผึ้งอาจจะเกิดอาการแพ้ในช่วงแรก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร แต่เมื่อผ่านไปซักระยะเวลาหนึ่งร่างกายจะมีการปรับตัว
สำหรับคนที่เกิดอาหารดังกล่าวและยังต้องการทานมผึ้งต่อ ขอแนะนำให้ค่อยๆ รับประทานน้ำนมผึ้งในปริมาณเล็กน้อยร่วมกับเครื่องดื่มที่ชอบ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ต้องระวังในการบริโภคนมผึ้ง ถ้าจะให้ดีควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ข้อมูลจาก : https://www.kondoodee.com/