พัด?
nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp เคยเห็นนิตยสารบางฉบับลงเรื่องและภาพกรุพัดของสาวสังคมท่านหนึ่ง nbsp แต่ละชิ้นแต่ละอันพิสดารน่าตื่นตาตื่นใจมาก |ซองคำถาม| น่าจะลองค้นคว้าเรื่องนี้ดูบ้าง พวงเพ็ญ วันนิล เชียงใหม่
nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp เคยเห็นนิตยสารบางฉบับลงเรื่องและภาพกรุพัดของสาวสังคมท่านหนึ่ง nbsp แต่ละชิ้นแต่ละอันพิสดารน่าตื่นตาตื่นใจมาก |ซองคำถาม| น่าจะลองค้นคว้าเรื่องนี้ดูบ้าง พวงเพ็ญ วันนิล เชียงใหม่
อากาศร้อนอย่างนี้ หากเป็นเมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน คนคงควานหาพัดมาโบกไล่ไอร้อนจากเปลวแดดกันจ้าละหวั่น ถึงบ้านเรือนใหญ่แถบเมืองจะมีพัดลมช่วยผ่อนแรง แต่ก็ยังมักพบผู้เฒ่าผู้แก่ถือพัดไว้ข้างกายเสมอ สมัยนี้มีเครื่องปรับอากาศเข้ามาช่วยสู้อากาศร้อนที่ทวีอุณหภูมิขึ้นทุกปี เด็ก ๆ จึงรู้จักพัดกันน้อยลงเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวความเป็นมาของพัดน่าสนใจศึกษาไม่น้อย เท่าที่สืบค้นมา ที่มาของการคิดประดิษฐ์พัดไม่ได้เกิดในเมืองใดเมืองเดียว แต่เกิดทั้งในอียิปต์และจีน เมื่อ ๕ ๐๐๐ ปีก่อน ทั้งสองแห่งมีวัฒนธรรมต่างกันจึงมีวัตถุประสงค์ในการประดิษฐ์พัดต่างกันไปด้วยสำหรับจีนเป็นเรื่องของงานศิลป์มากกว่า แต่ที่อียิปต์นอกจากเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่จำเป็นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์บอกชนชั้นอีกด้วย มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์มากมายทั้งที่เป็นข้อเขียนและภาพวาด กล่าวถึงบทบาทของพัดในยุคนั้นว่า กษัตริย์และเศรษฐีของอียิปต์จะมีทาสทำหน้าที่ ถืองานพัด ทาสเหล่านี้มีทั้งพวกผิวขาว และผิวดำ มีหน้าที่ถือพัดอันใหญ่ทำด้วยใบเฟิร์นหรือต้นกก papirus นำมาสาน คอยพัดโบกคลายความร้อนให้ แก่เจ้านาย นอกจากนั้นเงาของพัดที่ทอดตกบนพื้น ไพร่หรือสามัญชนจะเหยียบไม่ได้ ประเทศอียิปต์มีลักษณะกึ่งเมืองร้อนจึงจำเป็นต้องประดิษฐ์พัดแบบทึบ เพื่อว่าเวลาพัดจะได้ลมแรงพอ ข้าทาสที่รับผิดชอบงานพัดจึงต้องประดับประดาตกแต่งพัดให้ทึบและสวยงาม ส่วนในประเทศจีน การใช้และประดิษฐ์พัดมีอิสระกว่า พัดของจีนจึงมีรูปแบบการตกแต่งที่หลากหลาย เช่น พัดขนนกยูงเหลือบสีจีนยังพัฒนาพัดเป็นแบบ |แผ่น| ใช้ผ้าไหมปูเก็บริมบนโครงไม้ไผ่ด้ามไม้เคลือบด้วยน้ำยา จากนั้นประมาณคริสต์ศตวรรษที่ ๖ จีนเผยแพร่พัดผ้าไหมนี้ให้ญี่ปุ่น และญี่ปุ่นได้นำไปดัดแปลงเป็นพัดแบบพับได้อย่างชาญฉลาด พัดพับของญี่ปุ่นทำจากผ้าไหมยึดติดบนซี่ไม้ไผ่ที่วางเรียงซ้อนกันพัดพับที่ใช้ผ้า สีหรือแบบต่างกัน จะมีชื่อเรียกและการใช้งานต่างกัน เช่น พัดสำหรับผู้หญิง มีพัด |เต้นรำ| |ออกงานสังคม| และ |เวลาน้ำชา| ส่วนผู้ชายมีพัด |ขี่ม้า| และ |รบ| เป็นต้น ต่อมาญี่ปุ่นเผยแพร่พัดพับคืนแก่จีนบ้างในศตวรรษที่ ๑๐ คราวนี้จีนจึงเป็นฝ่ายประยุกต์พัด จากพัดพับที่ใช้ผ้าไหมและซี่ไม้ไผ่ มาเป็นพัดพับที่ใช้แถบไม้ไผ่หรืองาช้างแทน โดยใช้แถบไม้ไผ่หรืองาช้างวางเรียงช้อนกัน เจาะรูที่ปลายด้านหนึ่ง และร้อยติดกันด้วยแถบผ้าใช้งานได้เช่นเดียวกับพัดพับของญี่ปุ่น ในศตวรรษที่ ๑๕ พ่อค้าชาวยุโรปเดินทางมายังดินแดนตะวันออกจึงได้พัดหลายรูปแบบกลับไป แบบที่นิยมกันมากที่สุดคือ พัดของจีนที่ทำจากแถบงาช้างแกะสลักลายละเอียด ผูกด้วยแถบผ้าไหมสีแดงหรือขาว ใครที่นึกอยากสะสมอะไรไว้เชิดหน้าชูตา ลองสะสมพัดก็น่าสนใจไม่น้อย “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!