ตำนานอันลือลั่นของเสื้อยืด?
น้องเคยอ่านและทราบเรื่องของกางเกงยีนแล้ว nbsp อยากทราบถึงประวัติของเสื้อยืดหน่อยค่ะ ด ญ กฤติมา nbsp มงคลวิทย์ กรุงเทพฯ
น้องเคยอ่านและทราบเรื่องของกางเกงยีนแล้ว nbsp อยากทราบถึงประวัติของเสื้อยืดหน่อยค่ะ ด ญ กฤติมา nbsp มงคลวิทย์ กรุงเทพฯ
เสื้อยืดแขนสั้นหรือทีเชิ้ตที่เราเริ่มรู้จักกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้กลายเป็นแฟชั่นยอดนิยมไปทั่วเสียแล้ว เฉพาะในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวก็ขายทีเชิ้ตได้กว่าพันล้านตัวในปี ค ศ ๑๙๙๐ ที่จริงเสื้อทีเชิ้ตเริ่มจากชุดชั้นในซึ่งใช้ใส่ทำงานกลางแจ้งจุดกำเนิดไม่ชัดเจน แต่ค่อนข้างแน่ว่ามาจากกะลาสีเรือ มีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่งกะลาสีเรืออังกฤษได้รับคำสั่งให้เย็บเสื้อแขนสั้น ๆ ติดไว้กับเสื้อกล้าม พระราชวงศ์จะได้ไม่เห็นขนรักแร้อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า คนขนถ่ายใบชาที่ท่าเรือแอนนาโปลิส ในแมรีแลนด์ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ ใส่เสื้อยืดแขนสั้นทำงาน คำว่า Tea ซึ่งแปลว่า ชา จึงกลายมาเป็นตัว “ T ” สำหรับคำว่าทีเชิ้ต ที่แน่ ๆ ก็คือ ในปี ค ศ ๑๙๑๓ กองทัพเรือสหรัฐฯ ให้ทหารเรือใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแขนสั้นคอกลมไว้ใต้เสื้อจัมเพอร์อันเป็นเสื้อสวมศีรษะคลุมถึงสะโพก ส่วนหนึ่งก็คงเพราะต้องการจะปิดขนหน้าอกอันน่าเกลียด เสื้อทีเชิ้ตมีประโยชน์มากสำหรับชายหญิงเป็นล้าน ๆ คน ที่รับราชการทหารในทุกแห่งหน โดยเฉพาะในเขตร้อน มันดูเรียบร้อย ซักก็ง่าย เอาไว้ขัดหัวเข็มขัดก็ได้ ขัดรองเท้าก็ดี หรือถ้าจำเป็นก็เอามาม้วนทำหมอนหนุนหรือใช้เป็นผ้าพันแผล จะว่าไปแล้วเสื้อทีเชิ้ตก็คือเสื้อในของสมัยหลังสงคราม ยิ่งถ้าเป็นแถบอากาศอบอุ่นแล้ว จะใส่ทีเชิ้ตอย่างเดียว ไม่มีเสื้อทับ มันเป็นเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงความมีสิทธิเท่าเทียมกัน ผู้ชายอาชีพใด ๆ ก็ใส่ได้ทั้งนั้น ทหารเก่า รวมทั้งลูกชายของพวกเขา จะรู้สึกเหมือนแก้ผ้าเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้ใส่ทีเชิ้ต ส่วนใหญ่เราจะเห็นคนงานชอบสวมทีเชิ้ต เพราะต้องการความสบายในการสวมใส่ เนื่องจากทีเชิ้ตเข้ามาแทนที่เสื้อกล้ามแบบโชว์รักแร้ เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ชนชั้นกรรมาชีพมาลอน แบรนโด ช่วยตอกย้ำสถานภาพนี้ในหนังที่สร้างขึ้นในปี ค ศ ๑๙๕๑ เรื่อง “ A Street Car Named Desire ” ซึ่งแบรนโดเล่นเป็นชายชาตรีที่ดุดันหยาบกระด้าง กล้ามเนื้อเป็นมัดของเขามองเห็นได้ชัดใต้เสื้อทีเชิ้ตรัดรูป แบรนโดอีกเช่นกันที่ทำให้ทีเชิ้ตเป็นเสมือนธงรบของวัยรุ่นที่กบฏต่อพ่อแม่ ซึ่งภาพพจน์นี้ยืนยาวที่สุด ช่วงปลายทศวรรษที่ ๖๐ เสื้อทีเชิ้ตถูกนำมาย้อมสี โดยเอาเชือกมัดก่อนย้อมให้เป็นลวดลาย หรือระบายสี หรือพิมพ์ซิลค์สกรีนเป็นรูปเครื่องหมายสันติภาพและสัญลักษณ์ของการประท้วง เสื้อทีเชิ้ตกลายเป็นเวทีแสดงความรู้สึกส่วนตัว หลักปรัชญา โฆษณาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และสินค้าต่าง ๆ ก็ตอนช่วงทศวรรษที่ ๗๐ สงครามเวียดนามผลักดันทีเชิ้ตเข้าสู่โลกของตัวอักษรและการแสดงความเห็นโต้แย้ง เด็กหนุ่มสาวสวมทีเชิ้ตพิมพ์ข้อความต่อต้านสงครามเวียดนามให้คนทั่วไปรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา เราไม่ต้องแบกป้ายประท้วงให้เมื่อยมือ ในเมื่อสามารถเขียนข้อความร้องทุกข์ไว้บนหน้าอกเสื้อได้ ไม่ว่าจะไปฟังการหาเสียงทางการเมือง หรือแค่ไปกินเบอร์เกอร์ก็สวมทีเชิ้ตออกไปได้ ขณะที่อเมริกากำลังเริ่มให้ความสำคัญกับความคิดเห็นมากกว่าความรู้ ทีเชิ้ตดูจะเป็นเวทีวาทะที่เหมาะเจาะ เราไม่ต้องพูดอะไรสักคำทุกคนก็รู้ว่าจุดยืนของเราเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเรื่องสงคราม ความขัดแย้งทางเพศ หรือต่อต้านผู้อยู่ในอำนาจ ไม่นานนักทีเชิ้ตก็ถูกใช้แสดงความคิดเห็นในเรื่องทุกเรื่องที่คิดได้ หรือสื่อคำสารภาพส่วนตัว เช่น “ เสรีภาพในการสูบกัญชา ” หรือ “ ปลดนิกสัน ” หรือ “ ฉันยังเป็นสาวบริสุทธิ์ แต่นี่เสื้อตัวเก่านะ ” ประโยคหลังนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า ไม่มีอะไรที่แน่นอน ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของทีเชิ้ตที่ได้มาจากทีเชิ้ตคอปิด คือทำให้ไม่ต้องผูกเนกไท บุรุษทั้งหลายต่างสำนึกบุญคุณเสื้อทีเชิ้ตคอปิดกันอยู่ชั่วกาลนาน ผู้หญิงเองก็ได้ใส่เสื้อที่ดูแลรักษาง่ายนี้แทนเสื้อแบบที่เคยใส่ไปด้วย สำนักงานหลายแห่งยินยอมให้พนักงานใส่เสื้อทีเชิ้ตผ้าฝ้ายแบบเรียบ ๆ สีเดียว แล้วใส่เสื้อสูททับมาทำงานได้ นักวิชาการผู้ศึกษาวัฒนธรรมในตอนนี้ต่างก็เสียใจว่าพวกเขาไม่เคยคาดเลยว่า ทีเชิ้ตจะกลายเป็นประดิษฐกรรมของมนุษย์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด และสำคัญที่สุดของแฟชั่นในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันเทคโนโลยีแฟชั่นในนิวยอร์กก็ยังจัดนิทรรศการทีเชิ้ตเพื่อแสดงให้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปี ค ศ ๑๙๙๑ ตามที่มีบันทึกไว้บนทีเชิ้ต ตั้งแต่ปฏิบัติการพายุทะเลทราย ไปจนถึงคดีของ วิลเลียม เคนเนดียิ่งไปกว่านั้น สามแผนกของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อเมริกัน แห่งชาติ ได้แก่ แผนกเครื่องแต่งกาย ชีวิตตามชุมชน และประวัติศาสตร์การเมือง ก็สะสมทีเชิ้ตไว้สำหรับแสดงนิทรรศการด้วย ประดิษฐกรรมใหม่ล่าสุดตอนนี้คือ ทีเชิ้ตที่มีสีแบบใหม่เรียกว่า “ สีนูน ” ที่ใช้วิธีบีบเอาจากหลอดโดยตรงออกมาเป็นหยดใหญ่ ทำให้เสื้อทีเชิ้ตของเด็ก ๆ กลายเป็นเสื้อในฝัน เพราะมีลายนูนต่ำ เสื้อทีเชิ้ตที่ไวต่อความร้อนจะเปลี่ยนสีได้เมื่อสวมใส่ลงบนร่างกายก็กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ไม่มีใครทราบว่า เรื่องราวของเสื้อทีเชิ้ตจะจบสิ้นลงเมื่อใดแต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ตราบใดที่คนอเมริกันยังคิดว่าต้องระบายความในใจให้โลกรู้อยู่ละก็ ตราบนั้นเจ้าเสื้อทีเชิ้ตก็คงจะต้องอยู่ต่อไป ข้อมูลนี้ได้มาจากบทความเรื่อง “ ทีเชิ้ต เสื้อยืดยอดฮิตของชาวอเมริกัน ” โดย เจ ดี รีด ในนิตยสารเสรีภาพ ฉบับที่ ๑ ๒๕๓๖ “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!