การรักษารากฟัน - ถามตอบที่ Sanook! Guru

                  ฟันที่จะได้รับการรักษารากฟันนั้น ต้องเป็นฟันที่มีการลุกลามของโรค เข้าไปในโพรงประสาทฟัน หรืออาจเป็นกรณีอยากอื่นก็ได้ แต่ต้องมีการพิจารณาเป็นรายๆ ไป                   ในเบื้องต้นของการรักษา ทันตแพทย์จะตรวจดูก่อนว่า ฟันซี่นั้นยังมีชีวิต หรือเป็นฟันตายแล้ว เพื่อวางแผนในการรักษา ถ้าเป็นฟันที่มีชีวิต การรักษารากฟันจะต้องใช้ยาชา เพื่อทำให้ฟันหมดความรู้สึกเสียก่อน แล้วจึงทำการรักษา และก่อนทำการรักษานั้น ต้องมีการเอ๊กซเรย์ดูภายในโพรงประสาทฟัน เพื่อดูรูปร่าง และจำนวนของรากฟัน ตลอดจนลักษณะทางเข้าคลองรากฟันด้วย                   การรักษารากฟัน จะต้องกรอเข้าไปในโพรงประสาทฟัน โดยกรอเจาะเนื้อฟันทางด้านบดเคี้ยว ในฟันหลัง ส่วนฟันหน้าจะกรอฟันทางด้านที่เป็นหลุมฟัน ทางด้านในเพดานปาก หรือลิ้น การกรอฟันจะเป็นการเปิดทางเข้าของฟัน เข้าสู่คลองรากฟัน แล้วจึงใช้เครื่องมือ ดึงเนื้อเยื่อ ได้แก่ เส้นประสาท และเส้นเลือดภายในโพรงประสาทฟันออก และใช้เครื่องมือวัดความยาวของรากฟัน โดยใช้ภาพเอ๊กซเรย์ หรือภาพถ่ายรังสี เป็นเครื่องมือช่วยตรวจ                   ต่อไป จะเป็นการขยายคลองรากฟัน เพื่อทำความสะอาด และทำให้ผนังของโพรงฟันเรียบ โดยใช้น้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรด์ ล้างทำความสะอาด การขยายรากฟันจะเริ่มจาก การใช้เครื่องขยายขนาดเล็กสุด ไปถึงขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีการใช้น้ำยาเป็นตัวหล่อลื่น ระหว่างการขยายโพรงรากฟัน                   หลังจากที่ได้ทำการขยายคลองรากฟันแล้ว จะต้องทำให้โพรงฟันแห้ง และใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ ชุบไว้ในโพรงฟัน เพื่อเป็นการทำให้ปลอดเชื้อเสียก่อน จึงจะทำการอุดรากฟันได้ ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการรักษา โดยจะต้องใส่ยา และปิดโพรงฟันไว้ 2-3 วัน ไม่เกิน 7 วัน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ และมาเปลี่ยนยาใหม่ เพื่อให้ยามีผลในการฆ่าเชื้อได้จริง และทำซ้ำเช่นนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง หรืออาจมากกว่านี้ก็ได้ แล้วแต่ความรุนแรงของโรคที่เกิด เมื่อตรวจพบว่า ภายในโพรงฟันปลอดเชื้อแล้ว ก็จะทำการอุดรากฟันได้                   การอุดคลองรากฟัน จะอุดด้วยวัสดุที่เรียกว่า Gutta purcha อัดให้เต็มแน่นในโพรงฟัน โดยยึดให้ติดกับโพรงฟันด้วยซีเมนต์ทางทันตกรรม รอดูอาการสักระยะ ถ้าฟันซี่นั้นไม่มีอาการปวดแล้ว ก็จะทำการอุดโพรงฟันที่อยู่ด้านบนอย่างถาวรต่อไป ข้อมูลจาก กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย