nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp ดิฉันอยากทราบว่า ซาวน่าเริ่มมีตั้งแต่เมื่อไหร่ และการอบซาวน่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร เพราะที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจนี้แพร่หลาย ดิฉันก็เป็นลูกค้ารายหนึ่งเช่นเดียวกัน รู้แต่ว่าหน้าหนาวเมือได้อบซาวน่าแล้วจะไม่ค่อยหนาว และรู้สึกสบายตัวค่ะ น้อยหน่า ญี่ปุ่น
การอบตัวด้วยความร้อนออกจะเป็นที่นิยมของชนชาติอารยะทั้งปวงไม่ว่าประเทศใด ชนชาติกรีกโบราณก็นิยมอบตัวในห้องอบตัวด้วยความร้อน ชาวโรมันโบราณถือว่าห้องอบตัวด้วยความร้อนเป็นของจำเป็น ไม่ว่าจะไปสร้างบ้านเมืองขึ้นที่ไหนก็ต้องสร้างห้องอบตัวด้วยความร้อนขึ้นที่นั่นทุกแห่ง ที่กรุงโรมนั้นมีห้องอบตัวด้วยความร้อนสาธารณะอันใหญ่โต จุคนได้เป็นพัน ห้องอบตัวด้วยความร้อนของชาวโรมันนั้นประกอบด้วยห้องโถงกลางเป็นที่ชุมนุมพบปะกันใหญ่โตถึงขนาดมีพ่อค้าเข้าไปขายสินค้าอยู่ในนั้น มีห้องอบตัวด้วยความร้อนจัดเพื่อขับเหงื่อ และมีหมอนวดจำนวนมากประจำอยู่ในนั้น คอยรับจ้างนวดและขัดถูเหงื่อไคลคนที่เข้ามาอบตัว นอกจากนั้นก็มีอ่างอาบน้ำทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ปัจจุบันเมื่อพูดถึงห้องอบตัวด้วยความร้อนก็มักจะนึกถึงชาวฟินแลนด์ ซึ่งนิยมสร้างห้องอบตัวด้วยความร้อนกันเกือบทุกบ้าน เรียกว่า ซาวน่า มีลักษณะเป็นเรือนไม้ปิดทึบ ไม่มีหน้าต่าง มีขนาดพอเข้าไปนั่งได้สักสองสามคน ที่นั่งนั้นอยู่ข้างฝาที่พื้นเรือนตรงกลางมีก้อนหินวางเรียงอยู่เกือบเต็ม มีที่เว้นไว้ เป็นทางเดินรอบเท่านั้น วิธีทำให้เกิดความร้อนก็คือ เอาฟืนเข้าไปก่อไฟบนก้อนหินจนหินมีความร้อนจัด เมื่อไฟดับหมดควันแล้วเหลือแต่ก้อนหินที่ร้อนจัด คนก็จะเข้าไปนั่งอบความร้อนให้เหงื่อตกในนั้น โดยปิดประตูไว้มิให้ความเย็นเข้าไปได้ ใช้กิ่งไม้ที่ยังมีใบเขียว ๆ ติดอยู่ฟาดไปตามเนื้อตัวให้เลือดแล่น และมีภาชนะใส่น้ำเอาไว้ราดลงไปบนหินทำให้เกิดไอน้ำ เมื่ออบตัวด้วยความร้อนจนเป็นที่พอใจแล้ว หากเป็นหน้าหนาวก็จะออกจากห้องอบตัวมาเกลือกตัวในหิมะที่ตกอยู่ข้างนอก เป็นเสร็จการเชื่อกันว่าการเปลี่ยนอุณหภูมิของร่างกายอย่างฉับพลันเช่นนี้ จะเป็นผลดีแก่ระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!
สงวนลิขสิทธิ์ © บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด
