ยกเมฆและโคมลอย?
อยากทราบที่มาของคำว่า ยกเมฆ และ โคมลอย อดิศักดิ์-นิลวรรณ เสนธนิสศักดิ์ จ ลำปาง
อยากทราบที่มาของคำว่า ยกเมฆ และ โคมลอย อดิศักดิ์-นิลวรรณ เสนธนิสศักดิ์ จ ลำปาง
“ ยกเมฆ ” เป็นสำนวนหมายความว่า เดาเอา กะเอา คาดเอา นึกเอาเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มูลเหตุของสำนวนมาจากตำราโหราศาสตร์เกี่ยวกับการดูเมฆในท้องฟ้า ว่าเป็นนิมิตดีหรือร้าย เช่น ในตำราพิชัยสงครามโบราณว่า quot เห็นเมฆเกลื่อนมาเป็นหมู่ เป็นรูปเมรูอย่ายกฤกษ์มรณา ” และในเสภาขุนช้างขุนแผนว่า quot กอดอกยกเมฆดูนิมิต ก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย เถรสำคัญมั่นหมายไม่คืนมา ” “ ยกเมฆ ” เป็นการดูเมฆที่ลอยเกลื่อนในท้องฟ้า ว่ามีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร ดังนั้นเลยเอาคำ ยกเมฆ มาใช้เป็นสำนวนหมายความว่า คิดเอง เดาเอง คาดคะเนเอาเองว่าเป็นเช่นนั้นหรืออย่างไรต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นความจริง ส่วน “ โคมลอย ” นั้น ในพระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีถึงพระพันปีหลวงคราวเสด็จประพาสยุโรป พ ศ ๒๔๔๐ มีว่า “ คำว่า โคม นี้มีความหมายตามศัพท์แผลง ใช้กันว่าพูดฤๅทำอะไรไม่กินความกัน ฤๅไม่เข้ากับเรื่อง ฤๅพูดหลงใหลไป ฤๅพูดโดยไม่มีเค้ามูลที่เห็นว่าควรจะพูดอย่างนั้น แต่แรกใช้กันว่า โคมลอย เกิดจากหนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับหนึ่งชื่อ พันช์ มีรูปโคมลอยอยู่ที่ชื่อหน้าต้นของหนังสือนั้น และในหนังสือพิมพ์นี้มักมีความซึ่งกล่าวตามอย่างตลก ๆ ในภาษาอังกฤษ ดูไม่ใคร่จะเข้ากับเรื่อง และไม่เห็นขบขันเหมือนหนังสือพิมพ์พันช์ เพราะเหตุฉะนั้น เมื่อมีใครกล่าวความที่ไม่เข้าเรื่อง ฤๅไม่กินความกันก็ใช้ว่ากันว่าโคมลอยแล้วย่นสั้นคงแต่ว่า โคม ก็ใช้ได้เหมือนกัน ” ที่ใช้และเข้าใจกันทั่วไป หมายความว่า พูดกุเรื่องขึ้น พูดลอย ๆ พูดไม่จริง ทั้ง ๒ คำนี้อธิบายโดย กาญจนาคพันธุ์ จากหนังสือ “ สำนวนไทย ” “ ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม สำนักพิมพ์สารคดี ”
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!