จับได้ว่าลูกชายอายุ 12 ปี สำเร็จความใคร่ในห้องน้ำโดยใช้ขุดชั้นในของแม่ ตกใจมากจึงต่อว่าลูกรุนแรง เพราะกลัวว่าลูกจะมีปัญหา ไม่ทราบว่าจะช่วยลูกได้อย่างไร ปัจจุบันลูกชายสนิทกับแม่มาก และยังนอนอยู่ห้องเดียวกับแม่
อารมณ์เพศของหนุ่มน้อยที่พลุ่งพล่านขึ้น เพราะระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เขาต้องระบายออกด้วยการช่วยตัวเอง การสำเร็จความใคร่ในเด็กหนุ่มจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่วิธีการสำเร็จความใคร่โดยใช้ชุดชั้นในของแม่เป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์เพศ เป็นสิ่งน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสม อยากให้คุณแม่ใจเย็นสักนิด เรื่องอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด เพราะสถานการณ์ในบ้านที่คุณแม่เล่าว่า ลูกชายสนิทกับคุณแม่มาก และปัจจุบันยังนอนกับคุณแม่ จึงขอให้คุณแม่สังเกตตัวเองสักนิดว่า เวลาที่อยู่บ้าน ขณะคุณแม่อาบน้ำ แต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เคยโป๊ให้ลูกเห็นหรือไม่ เช่น การนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ชุดนอนที่ดูโป๊สักหน่อย ตลอดจนสังเกตพฤติกรรมอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศของลูก เช่น การอ่านการ์ตูน หรือดูหนังโป๊ บ่อยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในความจริงลูกมักไม่ทำเรื่องเหล่านี้ให้คุณแม่เห็น คุณแม่จึงต้องสวมวิญญาณนักสืบสักหน่อย โดยเพียงหมั่นสังเกต แต่อย่าให้ลูกรู้ตัวว่าเรากำลังสอดส่องพฤติกรรมของเขา เพราะเขาจะคิดว่าเราจับผิด และพยายามหลบเลี่ยงมากขึ้น สำหรับกรณีที่คุณแม่ต่อว่าลูกไปด้วยความตกใจนั้น ควรทำความเข้าใจ ขอโทษที่ดุว่าลูกไปเพราะความตกใจ quot วันนั้นแม่ขอโทษที่ดุลูกรุนแรง เพราะแม่ตกใจ นึกไม่ถึง แม่ลืมไปว่าลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว ย่อมรู้สึกมีความต้องการทางเพศและช่วยตัวเองได้เป็นธรรมดา hellip แต่แม่ก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แม่จะให้พ่อคุยกับลูกดีกว่านะ quot แล้วให้คุณพ่อพูดคุยกับลูกตามประสาผู้ชายด้วยกัน ว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไรที่ต้องใช้ชุดชั้นในของแม่ในการสำเร็จความใคร่ เขาทำมากี่ครั้งแล้ว และนอกจากชุดชั้นในแล้วมีสิ่งอื่นๆอีกหรือไม่ที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกทางเพศ และทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ หากเขาสามารถมีความรู้สึกทางเพศได้โดยใช้สิ่งกระตุ้นเหมือนผู้ชายทั่วๆไป ก็เป็นอันสบายใจได้ว่าเขาปกติเรื่องเพศ อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่า การใช้สิ่งของของผู้อื่นเป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์เพศ ก็ไม่ต่างไปกับขโมยที่อาจทำให้เขาติดเป็นนิสัย อีกประการหากเขาไปหยิบชุดชั้นในของผู้อื่น อาจทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นติดคุกได้ และยังมีวิธีการอื่นๆอีกมากมายที่จะทำให้ลูกมีความสุขกับชีวิต หรือระบายอารมณ์เพศอย่างเหมาะสมได้โดยไม่ต้องหมกมุ่นในเรื่องเหล่านี้จนทำให้เสียการเรียน เช่น พยายามออกกำลังกาย ทำกิจกรรมอื่นให้มาก อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง และพยายามชักชวนให้เขาทำกิจกรรมต่างๆให้มากขึ้น แต่หากลูกมีความต้องการทางเพศจริงๆ ก็สามารถช่วยตัวเองได้ แต่อย่าให้บ่อยเกินไปจนเสียการเรียน ความใจเย็น เข้าใจธรรมชาติทางเพศของเขา ค่อยๆพูดคุย จะช่วยให้ลูกปรับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ แต่หากคุณพยายามปรับแล้ว ลูกยังไม่เปลี่ยนแปลง ควรพาลูกไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป ที่มา เว็บไซต์สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!
สงวนลิขสิทธิ์ © บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด
