ไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง มักปวดบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง
คนที่เป็นไมเกรนมักมีอาการเตือนล่วงหน้า เช่น เหนื่อย อ่อนเพลีย หาวบ่อย ตาพร่ามัว แสบตา เห็นภาพซ้อนหรือเห็นแสงจ้าเป็นจุด หรือเส้นซิกแซกในตา ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอาจเป็นอยู่ประมาณ 10-30 นาที ก่อนจะปวดศีรษะหรือมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้และอาเจียนตามมา ไมเกรนมักเป็นๆ หายๆ ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า สาเหตุ ของการเกิดมายเกรนยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่สังเกตได้ว่าสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ และเกิดจากระบบการทำงานของหลอดเลือดในสมองผิดปกติ
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นอาการไมเกรนให้กำเริบหรือเป็นถี่ขึ้นคือ ความเครียด สภาวะฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ช่วงมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด การรับประทานอาหาร เช่น ช็อกโกแลต ซึ่งมีสารประกอบทางไนโตรเจน ที่มีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้อาการปวดหัวทวีความรุนแรง หรือแม้แต่อาหารที่มีผงชูรส ไส้กรอก ของดองและการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น สถานที่ที่เสียงดัง มีแสงสะท้อนจ้า และสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพอากาศ อย่างเช่นหน้าร้อนเดือนเมษายนบ้านเรา ซึ่งมีแนวโน้มว่าปีนี้จะร้อนมาก ผู้ที่เป็นไมเกรนเป็นประจำอาจหลีกเลี่ยงสภาวะกระตุ้นการกำเริบของโรค หรือป้องกันตนเองจากไมเกรนด้วยวิธีดังนี้
* หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนและแออัด โดยเฉพาะงานนิทรรศการต่างๆ ที่ผู้คนหนาแน่น อากาศหายใจไม่เพียงพอ ทำให้วิงเวียนศีรษะได้ง่าย หรือหลังจากการเผชิญกับอากาศร้อนภายนอก และเดินเข้าภายในอาคารที่อากาศเย็นทันที อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวแปลบขึ้นมา ในกรณีที่ต้องขับรถในช่วงแดดส่องจัด ควรสวมแว่นตากันแดด ป้องกันแสงสะท้อนเข้าตา และหากรู้สึกว่าไมเกรนกำลังคุกคาม รีบหาที่นั่งพักหลับตาสักครู่ ใช้ผ้าเย็นประคบหน้าผากหรือต้นคอ จะบรรเทาอาการได้
* รับประทานอาหารครบทุกมื้อ โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าซึ่งร่างกายต้องการมากที่สุด หลังจากท้องว่างเป็นระยะเวลากว่า 7-8 ชั่วโมง หากปล่อยให้ท้องว่าง น้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลง อาจทำให้อาการไมเกรนกำเริบได้
* นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ใช้เวลาหยุดสุดสัปดาห์ในการพักผ่อนอย่างเต็มที่ หรือประยุกต์ท่าโยคะที่เรียกว่า ท่าศพ เพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ เริ่มจากการปิดไฟในห้องให้มืดและเงียบสนิท นอนหงายบนฟูกหรือพื้นราบ หงายมือวางข้างลำตัว หายใจเข้าและออกลึกๆ อย่างสม่ำเสมอ หากทำได้ 10 นาที ร่างกายจะรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น
* ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ ช่วยให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้น เพราะร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ช่วยบรรเทาความเครียดและปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ทั้งนี้หากมีอาการไมเกรนอยู่ก่อนก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today
https://variety.teenee.com/foodforbrain/7267.html