โรค SLE หรือที่รู้จักกันดีในนามโรค “พุ่มพวง” เป็นโรคในกลุ่มภูมิเพี้ยน ซึ่งมีความหมายว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายซึ่งปกติจะต่อต้านเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมเช่น แบคทีเรียหรือไวรัสจากภายนอกร่างกาย กลับต่อต้านร่างกายของเราเองซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ ถ้าเป็นรุนแรงจะมีการทำลายของอวัยวะเช่น ไต หัวใจ ปอด และระบบประสาท
โรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนเป็นรุนแรง บางคนเป็นไม่รุนแรง และในรายที่เป็นไม่รุนแรงวันดีคืนร้ายก็จะเป็นรุนแรงขึ้นมาได้อีก ซึ่งจุดมุ่งหมายของการรักษาคือควบคุมโรคให้สงบ ไม่ให้อวัยวะต่างๆถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันของเราเอง
สาเหตุของโรค SLE
สาเหตุจริงๆนั้นไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเกิดจากยีนและพันธุกรรม และมีบางอย่างกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของเราปฎิวัติตัวเราเอง เช่น ไวรัสบางชนิด งานเสริมทำออนไลด์ผ่าน net 100% รับ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำค่ะ สมัครที่ www.make.321.cn
อาการของโรค
อาการที่พบบ่อยนั้นก็จะได้แก่ ไข้ ผื่น แผลในปาก ผมร่วง ผื่นที่ใบหน้า ปวดข้อ บางครั้งก็เป็น พอรักษาก็หายไป แล้วก็เป็นขึ้นมาอีก ในระยะยาวคนที่เป็นโรค SLEจะเริ่มมีอวัยวะต่างๆถูกทำลาย เช่นหัวใจ ตับ ไต ระบบประสาท ระบบเลือดไหลเวียนโลหิต
ภาพนี้แสดงผื่นที่บริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นอาการแสดงที่พบบ่อยในโรค
ส่วนภาพนี้แสดงลักษณะแผลในปากในผู้ป่วย
การวินิจฉัยโรค SLE
คนแต่ละคนที่เป็นโรค SLEอาการจะไม่เหมือนกันเลยครับ จึงเป็นโรคที่ยากในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติและมองหาอาการอื่นๆ และเจาะตรวจเลือดในกรณีที่สงสัย มีการเจาะโปรตีนชนิดหนึ่งครับที่เรียกว่า ANA (antinuclear antibodies) ซึ่งเป็นวิธีการหาว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคในกลุ่มนี้หรือไม่
การรักษา
การรับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs ถ้าคุณมีอาการปวดข้อ
ยาในกลุ่มสเตอรอยด์ เพื่อควบคุมอาการและโรคให้สงบ แต่ว่ายาในกลุ่มสเตอรอยด์ก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ ดังนั้นแพทย์จะสั่งในปริมาณที่น้อยที่สุดที่จะสามารถควบคุมโรคให้สงบได้
แพทย์อาจสั่งยาชนิดอื่นๆเพื่อควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
การปฎิบัติตน
เป้าหมายของการรักษาคือการควบคุมโรคให้สงบครับ สิ่งที่คุณสามารถช่วยได้คือ…
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันข้อติด
- หลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์ เพราะผู้ป่วยสามารถเกิดผื่นแพ้แสงได้ง่าย ให้ใช้ครีมป้องกันแสงแดดด้วย
- หยุดสูบบุหรี่
และถ้าคุณมีอาการเช่นอ่อนเพลีย ปวดข้อ มีแผลในปาก ผื่นที่ใบหน้า ผมแนะนำให้ไปพบแพทย์
ข้อมูลและภาพจาก https://thaifittips.com/blog/?cat=67