วันชาสากล (International Tea Day) ตรงกับวันที่ 15 ธันวาคมของทุกปี จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดย ชา นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับมนนุษย์มากกว่า 2,000 ปี ซึ่งชาติแรกที่ได้รู้จักและเริ่มปลูกชา คือ ชาวจีน เมื่อเวลาผ่านไป ชาได้ถูกเผยแพร่ไปปลูกยังพื้นที่ต่างๆ ของโลกจนได้รับความนิยม
จุดเริ่มต้นของ วันชาสากล นั้นเริ่มมาจากเกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็กๆ หลายกลุ่มในแบงกอลตะวันตกและรับทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ได้รวมตัวเพื่อเรียกร้องถึงสิทธิและความเป็นธรรมในการค้าชาของตน ซึ่งถึงแม้ว่าชาในตอนนั้นจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่อุตสาหกรรมการค้าชาในประเทศอินเดียกลับมีความซบเซาและมีการบริหารจัดการอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกษตรกรกลุ่มเล็กๆ ที่ปลูกชานี้เองได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปลูก ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตชาดีขึ้นกว่าแต่เดิมอยู่มาก อีกทั้งยังได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและมีคุณภาพดี
ถึงแม้ว่ากระบวนการผลิตและผลผลิตของชานั้นได้เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น แต่เกษตรกรเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในการค้าขาย ทั้งยังถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกกดราคา ในความคิดอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเกษตรกรของพวกเขาดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับแย่ลง ทำให้องค์กรเพื่อการสื่อสารและการศึกษาของประเทศอินเดียว (CEC - Centre for Communication and Education) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ช่วยเหลือสิทธิของเกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อย ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในปัญหาที่เกิดขึ้น เพระาเล็งเห็นถึงปัญหาในด้านลบที่กำลังจะตามมา CEC ใช้วิธีเข้าร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เข้ามาช่วยพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ค้าชารายย่อยให้ได้รับความเป็นธรรมและทำให้ชีวิตในอาชีพการเป็นเกษตรกรดียิ่งขึ้น
การดื่มชาได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย อีกทั้งชายังได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเรื่อยมา และได้กำหนดให้ทุกวันที่ 15 ธันวาคมของทุกปีเป็น วันชาสากล เพื่อระลึกถึงคุณประโยชน์ของชาและตระหนักถึงความสำคัญของเหล่าเกษตรกรที่ทุ่มเทจนได้เป็นพืชที่กลายมาเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณภาพได้มาจนถึงทุกวันนี้