หลายคนต้องหงุดหงิด รำคาญ และทรมานกับการปวดหัวไมเกรน ซึ่งมีลักษณะอาการสำคัญคือ ปวดตุ้บๆ ที่บริเวณขมับข้างเดียวหรือสองข้าง มักเริ่มจากปวดแบบตื้อๆ จี๊ดๆ แล้วค่อยปวดรุนแรงขึ้น แนะคนป่วยไมเกรน รู้จักอาหารที่ควรและไม่ควรรับประทาน ทำได้แทบไม่ต้องพึ่งยา ไม่ต้องทรมานกับการปวดหัวจะระเบิด
แม้ปัจจุบันสาเหตุของไมเกรนยังไม่ทราบแน่ชัด แต่หลายทฤษฎีเชื่อว่า เกิดจากความผิดปกติที่ระดับสารเคมีในสมอง การสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานที่ผิดปกติของหลอดเลือดสมอง นอกนี้ยังมีข้อมูลทางระบาดวิทยาชี้ว่า ไมเกรนถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่จะเกิดอาการหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในและภายนอกร่างกายที่มากระทบตัวผู้ป่วย
ปกติแล้วอาการปวดไมเกรนจะกำเริบขึ้นเมื่อมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้น แต่ละคนจะมีปัจจัยกระตุ้นที่แตกต่างกันออกไป ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของไมเกรนที่พบบ่อย คือ อาหารหรือสารบางชนิด เช่น อาหารกลุ่มที่มีไนไทรต์ ไทรามีน แทนนิน ซัลไฟต์ อาหารที่มีผงชูรส สารถนอมอาหาร คาเฟอีน ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์ ผลไม้จำพวกส้ม หรือการแม้แต่กินอาหารไม่ตรงเวลา ความหิวก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ในบางคน
เมื่ออาหารเป็นปัจจัยกระตุ้นไมเกรนอย่างหนึ่ง ดังนั้น ผู้เขียนขอแนะให้หลีกเลี่ยงอาหารดังกล่าว อย่างอาหารที่มีไนไทรต์ พบในเบคอน ฮอตดอก และเนื้อหมัก ไทรามีน พบในไวน์แดง ตับไก่ อาหารที่ใช้ยีสต์ แทนนิน พบมากในถั่วเปลือกแข็ง น้ำแอปเปิล องุ่น เบอร์รี่ ชา กาแฟ และไวน์แดง ซัลไฟต์ ที่ใช้ในการหมักไวน์และผลไม้แห้ง โมโนโซเดียมกลูตาเมตหรือผงชูรส
รู้จักอาหารที่เป็นปัจจัยกระตุ้นไปแล้ว รู้ไหมค่ะว่ามีสารอาหารบางกลุ่ม ช่วยป้องกันไมเกรนได้ด้วย ซึ่งก็คือ วิตามินและแร่ธาตุ อันได้แก่ 'กรดไขมันโอเมก้า-3' จากปลาทะเล จำพวกปลาทู แซลมอน ทูน่า และซาร์ดีน รวมถึงน้ำมันปลา ช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ช่วยบำรุงระบบประสาท และป้องกันไมเกรน
ยังมี 'แมกนีเซียม' ที่มีผลวิจัยระบุว่า การกินแมกนีเซียม 200มิลลิกรัมเสริมทุกวัน มีส่วนช่วยลดความถี่ของอาการไมเกรนลง หรืออาจจะกินจากอาหารก็ได้ โดยแมกนีเซียมมีมากในเมล็ดธัญญพืชเต็มรูป เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต และผักใบเขียว เช่น ปวยเล้ง ผักโขม บรอกโคลี คะน้า
'ธาตุเหล็ก' อาการปวดหัวเป็นอาการอย่างหนึ่งของการขาดขาดธาตุเหล็ก อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงจะช่วยป้องกันการขาดธาตุเหล็กได้ 'แคลเซียมและวิตามินดี' ก็ช่วยป้องกันไมเกรนได้เช่นกัน พบมากในผักใบเขียว และถั่ว ส่วนในนมถึงแม้มีแคลเซียมสูง แต่เป็นตัวนำไมเกรนชั้นยอด จึงควรหลีกเลี่ยงนะคะ
สุดท้ายกับ 'ไรโบฟลาวิน หรือวิตามินบี 2' การวิจัยชี้ว่า ถ้ากินทุกวัน จะช่วยลดจำนวนครั้งการเป็นไมเกรนลง 50%ซึ่งพบมากในธัญพืช ข้าวซ้อมมือ และมันฝรั่ง
นอกเหนือจากเรื่องอาหาร ควรนอนหลับหรือพักผ่อนให้เพียงพอ เลี่ยงสภาพอากาศร้อนจัด แสงจ้า หรือหนาวเย็นเกินไป พยายามอย่าอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง และอย่าเครียด ถ้าทำได้ทั้งหมดที่แนะ คาดว่าหลายคนคงแทบไม่ต้องพึ่งยากันเลย
ที่มาข้อมูลแลภาพ thaihealth.or.th