ต้องนับว่าเป็นโรคฮิตสำหรับหนุ่ม-สาวออฟฟิต รวมถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตในเมือง สำหรับ “โรคกรดไหลย้อน” ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากนิสัยส่วนตัว รวมถึงนิสัยการนอน เมื่อเริ่มเป็นมักมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ระคายเคืองบริเวณลำคอตลอดเวลา หรือหลังอาหารมื้อหลักจะรู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน
แม้ปัจจุบัน การศึกษา และการรักษาทางการแพทย์จะพบว่า ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มีอาการกรดไหลย้อน จะสามารถควบคุมได้ด้วยยา แต่การปรับเปลี่ยนนิสัยในชีวิตประจำวัน จะช่วยบรรเทา และป้องกันได้ยั่งยืนกว่า โดยสามารถเริ่มง่าย ๆ จาก “นิสัยการรับประทาน” เพราะอาหารบางอย่างทานแล้ว เสี่ยงกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น จึงควรเลี่ยง
นั่นก็คือ “กาแฟ-ช็อคโกแลต-โกโก้” มีคาเฟอีน และสารธีโอโบร์ไมน์ (theobromine) ลองเปลี่ยนมาชงชาสมุนไพรดอกคาโมไมล์ดื่มแทน ช่วยผ่อนคลายประสาท บรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้
ยังรวมถึง “แอลกอฮอล์-โซดา-น้ำอัดลม” ที่เร่งปฏิกิริยาคาร์บอเนชั่น (Carbonation) โดยฟองอากาศจะขยายภายในกระเพาะอาหาร และเพิ่มความดันมากขึ้น
ส่วน “อาหารทอด-เนื้อสัตว์ไขมันสูง” จากเนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อแกะ มักกระตุ้นใก้เกิดอาการเจ็บหน้าอกจากกรดไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร ควรทานเนื้อติดมันเพียงสัปดาห์ละครั้ง
สำหรับใครที่กำลังเผชิญ หรือคาดว่าจะเป็น “โรคกรดไหลย้อน” ควรลองปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทานดูใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป.
ขอบคุณแหล่งที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์