เคยได้ยินคำกล่าวทางพุทธศาสนาว่า มัชฌิมา ปฏิปทา บ้างไหมครับ แปลเป็นภาษาไทยว่า การเดินสายกลางดีที่สุด เม็ดเลือดแดงของคนเราก็เช่นเดียวกัน มีน้อยเกินไปก็เป็นโรค เป็นโลหิตจางหรือซีดที่เราคุ้นหูกัน หรือหากมีมากเกินไปก็เป็นโรคที่เราเรียกว่า "โรคเลือดข้น" อันนี้คงมีน้อยคนที่จะรู้จัก โรคนี้เป็นกันไม่มากหรอกครับ ส่วนใหญ่แล้วจะพบในคนอายุมากๆ อาการเริ่มต้นเป็นอย่างไรนั้น
อย่างที่รู้กันว่า เลือดของคนเรานำพาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย คราวนี้พอมันข้นมากไปก็เกิดปัญหาแล้วละครับ ประการแรกคือ เลือดมันหนืดไหลเวียนไม่ดี ก็จะไปเลี้ยงสมองไม่ดี อาจทำให้เกิดอาการมึนงง สมองทึบ ไม่แจ่มใส การที่เลือดข้นและคั่งมากๆ ก็จะทำให้หน้าแดงก่ำจนดูเหมือนคล้ำ และหากการไหลเวียนของเลือดช้ามากจนถึงขั้นหนึ่ง ก็อาจเกิดลิ่มเลือดขึ้นในหลอดเลือดก็ได้ ถามว่าเป็นอันตรายหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่ามันอุดตันที่ไหน ถ้าไปอุดตันบางที่อันตรายมาก บางที่อันตรายน้อย ตัวอย่างเช่น หากไปอุดตันที่ลำไส้ ทำให้ลำไส้บริเวณนั้นไม่มีเลือดไปเลี้ยง ก็จะเกิดเนื้อเยื่อลำไส้ตาย การรักษาก็ต้องตัดลำไส้ส่วนนั้นทิ้งนะครับ ไม่อย่างนั้นก็จะเน่าและกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ซึ่งเป็นผลทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดตามมาได้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ หากเกิดการอุดตันในหลอดเลือดสมอง อันนี้จะทำให้สมองส่วนนั้นตายไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาอัมพฤกษ์อัมพาตขึ้นได้ครับ เห็นแล้วหรือยังครับว่า ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นอันตรายพอสมควรเลยทีเดียว
สำหรับสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้างหรือครับ มีได้หลายอย่างเกิดจากภาวะแวดล้อมของเรานั่นเอง เช่น คนที่อยู่ในที่ที่มีอากาศหนาแน่นน้อย เช่น บนยอดเขา หรือที่ราบสูง การที่มีออกซิเจนน้อย ร่างกายเราก็จะพยายามช่วยเหลือตัวเอง โดยเพิ่มเม็ดเลือดแดงมากขึ้น เพื่อให้จับกับออกซิเจนได้ดีขึ้น
โรคบางอย่าง ก็เกิดจากการประพฤติปฏิบัติตัวของเราเอง ได้แก่ การสูบบุหรี่ ยาเส้น ทำไมถึงเป็นปัญหาหรือครับ ก็เพราะว่าการสูบบุหรี่ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนเสียไป ร่างกายจึงต้องทดแทนโดยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงให้จับออกซิเจนมากขึ้น บางคนก็เกิดจากเนื้องอก เช่น มีเนื้องอกของไต หรือเนื้องอกของตับ ซึ่งบางครั้งบางคราวเนื้อร้ายมีการสร้างฮอร์โมน (ที่เรียก Erythropoietin) ที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงออกมามากเมื่อฮอร์โมนมากขึ้น การสร้างเม็ดเลือดแดงก็มากขึ้นตามไปด้วย (ตรงกันข้ามกับคนที่เป็นโรคไตวายนะครับ พวกนั้นจะสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ได้น้อยลง ทำให้มีเม็ดเลือดแดงลดลง เกิดภาวะโลหิตจางขึ้น)
บางคนเกิดจากภาวะที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวอีกแบบหนึ่ง ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Polycythemia Vera ซึ่งจะมีการสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดเพิ่มมากขึ้น (ทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด) ซึ่งแน่นอนเมื่อมีเม็ดเลือดแดงมากขึ้น เลือดก็จะข้นมากขึ้นด้วย
บางคนเลือดก็ข้นโดยที่ไม่รู้กลไกที่ชัดเจน ที่เรียกว่าเป็น Stress Erythrocytosis มักจะพบในคนที่กินดีอยู่ดีครับ เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือเป็นโรคเกาต์ (มีกรดยูริคสูง) หากเราควบคุมโรคต่างๆ ที่มีอยู่ให้ดี ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงก็จะลดลงได้ครับ
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองมีเลือดที่ข้นเกินไปหรือเปล่า ง่ายๆ ก็คือหากคุณมีอาการต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว เช่น มีหน้าแดง ปากแดง โดยที่ไม่ได้ไปตากแดดมา ก็ต้องไปหาหมอให้ช่วยตรวจเพิ่มเติมดู ความเข้มข้นของเลือดแดงว่ามากน้อยแค่ไหน โดยทั่วไปแล้วสูงสุดจะไม่เกิน 46-48% (เป็นสัดส่วนของเม็ดเลือดแดงกับปริมาณของเลือดทั้งหมด) หากคิดว่าเป็นโรคนี้จริงก็ยุ่งล่ะครับ ต้อวเริ่มต้นจากการหาสาเหตุก่อน โดยจะต้องตรวจทางห้องปฏิบ้ติการอีกหลายอย่างเลยทีเดียว กว่าที่จะทราบคำตอบที่แน่นอน
สำหรับแนวทางการรักษาภาวะเลือดข้นนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุของการเกิดคืออะไร หากเกิดจากการสูบบุหรี่ ก็ต้องหยุดสูบบุหรี่ หากเกิดจากโรคเนื้องอกของไตหรือตับ ก็รักษาเนื้องอก อาจจะต้องผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกทิ้ง หากเกิดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก็มีขบวนการในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวจำเพาะ แต่ไม่ว่าสาเหตุของโรคจะมาจากสาเหตุใด หากเลือดที่ข้น มันข้นมากจนคิดว่าอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายแล้ว แพทย์ก็จำเป็นต้องทำการดูดเอาเลือดทิ้ง เพื่อให้ความหนืดลดลง เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ส่วนการรักษาที่สาเหตุก็ต้องทำการรักษาต่อไป
อาจจะสับสนนะว่า การมีเลือดเยอะๆ มากๆ ก็ดีแล้ว ทำไมยังบอกว่าเป็นโรค เอาเป็นว่าอะไรที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะครับ
ที่มาข้อมูลและภาพ hemophiliathai.com