นักวิจัยบอกว่า การกินข้าวขาวทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 งานวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งได้ทบทวนผลการวิจัย 4 ชิ้น ซึ่งเก็บข้อมูลจากประชาชน 350,000 คน บอกว่า ยิ่งรับประทานข้าวขาวมากก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคนี้
นักวิจัยได้ทบทวนผลวิจัย 2 ชิ้นจากประเทศจีนและญี่ปุ่น กับอีก 2ชิ้นจากสหรัฐและออสเตรเลีย ชาวเอเชียมีแนวโน้มที่จะกินข้าวขาวมากกว่าชาวตะวันตก คือราว 3-4 มื้อต่อวันเทียบกับ 1-2 มื้อต่อสัปดาห์ คนเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงต่อเบาหวานชนิดที่ 2 สูง โดยคนที่กินมากที่สุดจะมีความเสี่ยงสูงที่สุด
นักวิจัย ดร.ฉี ซุน แห่งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอก "การกินข้าวขาวในแต่ละมื้อต่อวันมีความเชื่อมโยงกับการมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นเบาหวาน"
"เป็นเรื่องดีที่จะกินข้าวขาวเป็นครั้งคราวสัปดาห์ละ 1-2 มื้อ แม้การบริโภคข้าวขาวอย่างที่พบในประเทศเอเชียจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานก็ตาม"
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากผลของข้าวขาวที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือด เพราะข้าวขาวมีค่าดัชนีกลีเซมิก (จีไอ) สูง ซึ่งวัดจากอัตราความเร็วที่น้ำตาลกลูโคสถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดภายหลังการกิน
อาหารที่มีค่าจีไอต่ำ เช่น ข้าวกล้อง จะย่อยช้า ซึ่งทำให้คนเรารู้สึกอิ่มนานขึ้น และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมีค่าคงที่มากกว่า ข้าวที่ขัดสีจนขาวยังมีสารอาหารต่ำกว่าด้วย อาทิ ใยอาหาร และแม็กนีเซียม ซึ่งช่วยป้องกันเบาหวานชนิด 2
งานวิจัยทบทวนชิ้นนี้ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร British Medical Journal ได้ประเมินการกินข้าวขาวแต่ละมื้อที่น้ำหนัก 158 กรัม และได้นำปัจจัยอื่นๆมาร่วมพิจารณาด้วย เช่น น้ำหนักตัว ระดับการออกกำลังกาย และอาหารการกินของอาสาสมัคร ในช่วงการติดตามผลซึ่งกินเวลาตั้งแต่ 4-22 ปีนั้น มีอาสาสมัครกลายเป็นโรคเบาหวานราว 13,200 คน
แคเธอรีน คอลลินส์ นักกำหนดอาหารแห่งโรงพยาบาลเซนต์จอร์จ กรุงลอนดอนกล่าวว่า การกินข้าวขาวทำให้ชาวเอเชียมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นเบาหวาน แต่ชาวตะวันตกคงไม่มีความเสี่ยงนี้ เพราะชาวตะวันตกกินข้าวขาวกันน้อย และยังมีอาหารการกินและการออกกำลังกายแตกต่างจากชาวเอเชีย
แหล่งที่มา : https://www.banprak-nfe.com/webboard/index.php?PHPSESSID=b3ea05a7cb9eb20729145f5626c1c8ef&topic=2630.0