วันที่ 27 กันยายน ของทุกปี ซึ่งบางแห่งว่า วันที่ 8 มิถุนายน แต่จะเป็นวันที่เท่าไร ขอเพียงพวกเรารักทะเล ไม่ทิ้งขยะริมทะเล ไม่เก็บปะการัง ทะเลจะได้เป็นสิ่งที่สวยงามให้พวกเราได้พักผ่อนอย่างมีความสุขตลอดไปกันดีกว่า
ความเป็นมา
วันทะเลโลก หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า World Ocean Day เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลก (The Earth Summit) ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล และในปีนี้ ก็เป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ที่คณะทำงานกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันเพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ส่งต่อไปยังประชาชนทั่วโลกผ่านเครือข่ายต่างๆ ที่มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก พร้อมกับจัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่างๆ อาทิ อุทยานสัตว์น้ำ สวนสัตว์ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และองค์กรอนุรักษ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั้งโลกหันมาใส่ใจ ร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเล เราทุกคนควรรับรู้ถึงวันสำคัญทางสิ่งแวดล้อมสากล และเพื่อแสดงความเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์เรื่องดังกล่าว
ภัยจากขยะสู่ทะเล
จาก รายงานปี 2007 ของ COBSEA (Coordinating Body on the Seas of East Asia) ระบุว่ามีปริมาณขยะมากถึง 6.4 ล้านตัน/ปี (1,800 ตัน/วัน) โดยขยะ 8 ล้านตัน ถูกทิ้งลงสู่ทะเลทุกวัน และในจำนวนนั้นเป็น พลาสติกมากถึง 89% หรือมีขยะพลาสติกประมาณ 46,000 ชิ้น/ตารางไมล์ ซึ่งคิดเป็น 3 เท่าของปริมาณปลาที่จับได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาทางทะเลและทางด้านเคมี ได้วิจัยเกี่ยวกับการปนเปื้อนบริเวณชายฝั่งทะเล พบพลาสติกที่มีขนาดเล็กปนเปื้อนอยู่ทั่วไปทั้งในทะเลและบริเวณชายฝั่ง นอกจากนั้นยังมีขยะชิ้นใหญ่ ๆ ประเภท โฟม พลาสติก และเครื่องมือประมง เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์เล็ก ๆ อย่าง เพรียงทะเลและหนอนทะเล ไปจนกระทั่งสัตว์หายากอย่าง วาฬ โลมา พะยูน หรือ เต่าทะเล ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือตาย เนื่องจากโดนขยะพันลำตัว หรือกินขยะต่าง ๆ เข้าไป
คุณกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยข้อมูลว่า เต่าทะเลจำนวนมากที่เกยตื้น ส่วนใหญ่มักจะมีขยะติดที่ครีบ ซึ่งไม่สามารถแกะหรือสลัดออกเองได้ เมื่อยิ่งว่ายน้ำก็จะยิ่งทำให้แน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ครีบหรือขาหน้าขาด บางครั้งพบว่ามีเศษอวน เอ็นเล็ก ๆ ที่มีความคมพันคอเต่าจนขาดหรือตัดเส้นเลือดจนคอเกือบขาด และที่พบบ่อยที่สุดก็คือการที่ เต่าทะเลกินเศษโฟมหรือพลาสติกเพราะคิดว่าเป็นอาหารจนเข้าไปอุดตันลำไส้และตาย ในเวลาต่อมา
นอกจากนั้น ยังเคยพบว่ามี วาฬกินเศษพลาสติกเข้าไปหลายอย่าง ทั้งถุงดำ กล่องและขวดพลาสติก ถุงขนม หนักรวมกันถึง 1.6 กิโลกรัม หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้พบโลมาปากขวดตายเพราะติดอวนทั้งผืนที่พันลำตัวจนทำให้โลมาไม่สามารถว่ายน้ำขึ้นมาหายใจได้
ในทะเลฝั่งอันดามันบริเวณจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะมีสัตว์ทะเลเหล่านี้มาเกยตื้นประมาณ 40 ตัว/ปี และพบว่า มากกว่า 70% เป็นสัตว์ทะเลที่บาดเจ็บและตายจากเศษอวน เครื่องมือประมง และขยะโดยเฉพาะพลาสติก นี่ยังไม่นับรวมสัตว์ทะเลที่ตายไปเพราะขยะแต่ไม่ได้เกยตื้นมาให้เห็น
ในปี พ.ศ. 2551 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ร่วมกับนักดำน้ำอาสาสมัครและองค์กรต่างๆ เก็บขยะทะเลได้จำนวน 22 ตัน จากแหล่งดำน้ำต่างๆ ทั่วประเทศ แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับขยะปริมาณมากที่ยังคงถูกปล่อยทิ้งลงทะเล ซึ่งแม้จะตามเก็บกันเท่าไหร่ก็คงไม่มีวันหมดแน่นอน
หนทางในการแก้ปัญหาขยะจึงน่าจะพุ่งเป้าไปที่การ "ทิ้ง" มากกว่าการ "เก็บ" กล่าวคือ มีระบบการจัดการขยะที่ดีตั้งแต่บนบก ซึ่งจะส่งผลต่อการลดขยะในทะเลลงได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระบบการจัดการจะดีเพียงใดก็อาจไม่มีประโยชน์ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพวกเราทุกคน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระตุ้นคนไทยอนุรักษ์ท้องทะเลไทย เนื่องในวันทะเลโลก หลังพบว่า ขยะในทะเลส่งผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจากการสำรวจของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าปัญหาในท้องทะเลส่วนใหญ่มาจากขยะพลาสติก ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ และสร้างความเสียหายให้กับเรือและเครื่องมือประมง ตลอดจนส่งผลต่อจำนวนสัตว์ทะเลหายาก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการกินขยะพลาสติกทำให้ติดบริเวณทางเดินอาหาร ส่งผลให้สัตว์ทะเลต้องตายเป็นจำนวนมาก จึงต้องการให้ทุกคนถือเอาวันทะเลโลก เป็นจุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์ หวงแหนท้องทะเลไทย และการแก้ไขปัญหาขยะในท้องทะเลที่ผ่านมา แม้มีการปลุกจิตสำนึกผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ รวมถึงภาคธุรกิจยังคงใช้ถุงพลาสติกในการใส่อาหาร ดังนั้น ทุกคนต้องตระหนักถึงปัญหาขยะในท้องทะเลอย่างจริงจัง และหยุดพฤติกรรมดังกล่าวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
แหล่งที่มา : https://www.vcharkarn.com/varticle/39483