ผมได้มีโอกาสอ่านบทความหนึ่งจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์โดย Mr. Tony Jackson ซึ่งเขาได้ตั้งประเด็นคำถามที่น่าสนใจว่า จริงๆแล้วการกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงได้จริงหรือ จึงอยากจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้ฟังครับ
การกระจายการลงทุนของผู้จัดการกองทุนเป็นแนวคิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามภายใต้ความผันผวนของตลาดในปัจจุบันและความยุ่งยากสลับซับซ้อนของธุรกิจบริหารจัดการกองทุน ซึ่งในปัจจุบันมีกองทุนรูปแบบใหม่ๆออกมาเป็นจำนวนมาก เช่น กองทุนที่สามารถกู้ (Leveraged Fund) กองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) การกระจายการลงทุนกลับมิได้ช่วยลดความเสี่ยงอย่างที่เชื่อกัน โดยจะเห็นได้จากผลขาดทุนของกองทุนในรูปแบบต่างๆเพื่อกระจายการลงทุน ตั้งแต่พันธบัตร หุ้น ทองคำ โภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง ฯลฯ
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือทฤษฎีของนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล Harry Markowitz ที่ว่าการกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงได้จริงหรือ และยังเป็นจริงหรือไม่ ในยุคแห่งความผันผวนในตลาดเงินและการลงทุนในปัจจุบัน คำตอบก็คือ ไม่แน่เสมอไปว่าการกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงได้ เพราะ
1.สภาพคล่องในอดีต ทำให้กองทุนสามารถกู้ยืมเงินได้ง่าย ซึ่งพลังซื้อจากการกู้ยืมดังกล่าวได้ทำให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท ในทางตรงกันข้าม เมื่อตลาดเงินมีปัญหา และผู้กู้ถูกบังคับให้คืนเงิน จึงต้องเทขายทรัพย์สินซึ่งส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์ตกลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
2.Professor Edloyd Kimson แห่งมหาวิทยาลัย London มีทฤษฎีว่าการกระจายการลงทุนจะสามารถลดความเสี่ยงได้จริง ถ้าหากราคาของสินทรัพย์ชนิดต่างๆมีความสัมพันธ์ด้านการเคลื่อนไหวของราคาอย่างสมบูรณ์ เช่น เมื่อราคาตัวหนึ่งลง ราคาของอีกตัวหนึ่งจะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย ดังนั้น ถ้าหากท่านไม่สามารถหาความสัมพันธ์ดังกล่าว ท่านก็ยังมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอยู่
3.นอกจากนั้นจังหวะการลงทุนก็เป็นอีกปัจจัยหลัก เพราะถ้าท่านเข้าไปลงทุนหลังคนอื่นๆอีกหลายๆปี ในราคาที่สูงกว่าราคาของคนอื่นๆ โอกาสที่ท่านจะขาดทุนก็จะมีมากขึ้น ดังที่จะเห็นได้ว่า การกระจายการลงทุนในกองทุนประเภททางเลือกอื่นๆ รวมทั้งกองทุนที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ได้เกิดขึ้นมากว่า 25 ปี แล้ว ก่อนที่จะแพร่หลายในปัจจุบัน
4.ในภาวะที่ข้อมูลข่าวสารมีการกระจายอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านอาจจะไม่ใช่คนเดียวที่ทราบข้อมูล ดังนั้นผู้จัดการกองทุนมีแนวโน้มที่จะปรับทิศทางการกระจายการลงทุนในรูปแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาในข้างต้นก็มิได้หมายความว่า การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่เป็นการเสนอมุมมองที่ว่า การกระจายการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศและในสินทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุนอาจมีความรู้/ข้อมูลไม่เพียงพอ และในช่วงภาวะตลาดที่ไม่เหมาะสม อาจจะไม่ทำให้เกิดผลตอบแทนตามการคาดหวัง ดังจะเห็นได้จากผลประกอบการของกองทุนรวมประเภทที่ไปลงทุนในต่างประเทศหลายกองทุนที่ได้รับการกระทบกระเทือนจากภาวะความผันผวนในตลาดโลก
โดย คุณวีระชาติ ชุตินันท์วโรดม
ที่มา TSI Investment Wiki
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tsi-thailand.org/
https://www.set.or.th/
