พลิกวิกฤตเป็นโอกาส, พลิกวิกฤตเป็นโอกาส หมายถึง, พลิกวิกฤตเป็นโอกาส คือ, พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ความหมาย, พลิกวิกฤตเป็นโอกาส คืออะไร
หลายๆท่านคงเคยได้ยินว่าการลงทุนในหุ้นให้ได้กำไรคราวละมากๆต้องลงทุนในช่วงที่หุ้นมีราคาถูกที่สุดและขายในช่วงที่แพงที่สุด ฟังดูแล้วไม่น่ายาก แต่ในทางปฎิบัติคงไม่มีใครบอกได้อย่างถูกต้องว่าราคาหุ้นที่ถูกที่สุดอยู่ที่ราคาไหนไม่ว่าใครคนนั้นจะศึกษาหุ้นทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคมาอย่างช่ำชองก็ตาม และยิ่งสถานการณ์ในตลาดโลกอยู่ในภาวะที่ไม่เป็นปกติเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะจับจังหวะการลงทุนได้อย่างถูกต้อง ทำให้มีโอกาสขาดทุนสูงมาก
แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนหลายท่านที่จะได้ใช้เวลานี้พักการลงทุนชั่วคราวเพื่อมาวิเคราะห์สถานการณ์และทำการประเมินผลการลงทุนที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์และนโยบายที่กำหนดไว้หรือไม่ และหากมีความคลาดเคลื่อนไปจากแผนที่วางไว้ก็จะได้ดำเนินการปรับปรุงแผนและกลยุทธ์การลงทุนให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ได้วางแผนไว้
การจัดสรรสินทรัพย์ต่างๆเพื่อการลงทุนนั้นเมื่อเวลาผ่านหรือสภาวะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปย่อมจะมีผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอาจส่งผลให้น้ำหนักในการลงทุนของสินทรัพย์แต่ละประเภทมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงน่าจะถือโอกาสนี้ทำการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในทรัพย์สินแต่ละประเภทที่เปลี่ยนแปลงนี้ให้กลับเข้าสู่รูปแบบการลงทุนและเป็นไปตามวัตถุประสงค์การลงทุนตลอดจนสอดคล้องกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
หลังจากที่ท่านได้มีโอกาสปรับปรุงแผนการลงทุนให้เป็นปัจจุบันเรียบร้อย นักลงทุนหลายท่านอาจมีคำถามต่อไปว่ามีวิธีการหรือเครื่องมืออะไรที่จะช่วยลดความเสี่ยงหรือความผันผวนจากการลงทุนได้บ้าง เนื่องจากมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบันได้ปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ทำให้อยากลงทุนเพิ่ม แต่ก็มีความกังวลว่าหุ้นที่ซื้อราคาจะลงไปอีก เกรงว่าอาจลงทุนผิดจังหวะ
ขอแนะนำวิธีการง่ายๆที่เป็นการลดความเสี่ยงนี้ได้และเหมาะสมกับนักลงทุนระยะปานกลางถึงยาว ซึ่งก็คือวิธี Dollar Cost Averaging (DCA) ซึ่งเป็นการเฉลี่ยต้นทุนวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยผู้ลงทุนจะต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนที่เท่ากันในแต่ละเดือนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ท่านอาจซื้อหุ้นสามัญ A ทุกวันที่ 1 ของเดือนติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งก็จะมีบางเดือนที่ท่านซื้อหุ้นได้ในราคาสูง และได้หุ้นจำนวนน้อย พอเดือนถัดมาตลาดหุ้นตกลง ท่านก็จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกลง และได้จำนวนหุ้นมากกว่าในเดือนก่อน ซึ่งเมื่อท่านเข้าลงทุนโดยการเฉลี่ยต้นทุนได้ครบ 12 เดือน ท่านก็จะได้พอร์ตการลงทุนที่มีต้นทุนเฉลี่ยในรอบนั้นๆ การลงทุนด้วยวิธี DCA นี้ จะทำให้ต้นทุนการออมมีการถัวเฉลี่ยกระจายออกไปในช่วงเวลาต่างๆกันตลอดทั้งปี ไม่กระจุกการลงทุนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนผิดจังหวะ ทั้งยังเป็นการลดภาระที่จะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว รวมถึงเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนด้วย
ข้อควรระวังสำหรับการลงทุนแบบ DCA คือนักลงทุนบางท่านอาจหยุดการซื้อ เพราะเห็นราคาลดลงอย่างรวดเร็วทำให้พลาดโอกาสซื้อในราคาถูกๆจำนวนมาก วิธีการ DCA นี้สามารถนำไปปรับใช้กับการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมประเภทต่างๆไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุนรวมตราสารหนี้ แม้กระทั่งการลงทุนในทองคำก็สามารถใช้ DCA ได้ ยิ่งราคาผันผวนมาก การลงทุนแบบ DCA ก็ยิ่งมีประโยชน์มาก
สุดท้ายนี้ขอให้ท่านนักลงทุนทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ คิดไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล ใช้เหตุผลในการวิเคราะห์และตัดสินใจ ตลอดจนไม่กู้หนี้ยืมสินมาลงทุนเกินพอดี มีความพอเพียง ไม่โลภและไม่เสี่ยงจนเกินไป
โดย
คุณวีระชาติ ชุตินันท์วโรดม
ที่มา TSI Investment Wiki
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tsi-thailand.org/
https://www.set.or.th/
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!