การประกวด เรียงความวันครู เพื่อให้นักเรียนได้แสดงทักษะในด้านการเขียน และยังเป็นการบอกเรื่องราวตามความคิดความอ่านของนักเรียนวันครูแห่งชาติ นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่บรรดาศิษย์ทั้งหลายจะได้หวนกลับมาย้อนระลึกถึงพระคุณของครู รวมถึงคุณงามความดีที่ครูได้สร้างสรรค์เอาไว้ด้วยความเสียสละและความตั้งใจที่อยากจะเห็นศิษย์นั้นประสบความสำเร็จ สามารถบรรลุสิ่งที่ตนเองตั้งมั่นเอาไว้ได้อย่างลุล่วง ซึ่งในกิจกรรมวันครูนี้นอกจากจะมีพิธีไหว้ครู การสร้างสรรค์พานประเภทต่างๆ เพื่อการประกวดและนำมาเป็นสัญลักษณ์บูชาครูในพิธีแล้ว การเขียนเรียงความวันครูก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นิยมจัดทำขึ้น วันนี้เราเลยนำเอา 5 เรียงความที่ได้รับรางวัลจากประกวดมาฝากกัน ไปดูกันว่าเรื่องราวที่พวกเขาตั้งใจอยากจะถ่ายทอดเกี่ยวครูนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
เรียงความวันครู เรื่องที่ 1
หากเราจะนึกถึงใครคนหนึ่งที่นอกจากคุณพ่อ และคุณแม่ของเรา ใครคนหนึ่งที่เขา คอยดูแลเรา คอยอบรม และมอบวิชาความรู้ให้กับเรา ใครคนหนึ่งที่ยอมเหนื่อย เพื่อเราโดยที่เขา ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ใครคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ครู”
หลายคนได้ให้คำนิยามมากมายที่เกี่ยวกับคำว่า ครู บางคนเปรียบครูเป็นเหมือนกับแสงเทียน ที่คอยส่องแสงสว่างไปยังเส้นทางที่ดี บางคนอาจจะเปรียบครูเป็นเหมือนกับเรือลำหนึ่ง ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางข้างหน้า ด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ละคนย่อมที่จะมีความต้องการครูในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ฉันเองก็มีความคิดและความคาดหวังที่อยากจะศึกษากับครูในอุดมคติของฉัน เช่นเดียวกัน ซึ่งครูในอุดมคติของฉันจะต้องเป็นครูที่มี จิตใจโอบอ้อมอารี สามารถให้ความรู้ กับนักเรียนนักศึกษา ได้อย่างเต็มที่ ดูแลเอาใจใส่นักศึกษาและคอยให้คำปรึกษาเวลานักศึกษามีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ สามารถสื่อสารกับนักเรียน นักศึกษาในขณะที่ทำการสอนได้อย่างเข้าใจ มีการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการสอน อยู่เสมอ เปิดโอกาส ให้นักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นมาทำการ ปรับปรุงแก้ไขการสอนของตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูในอุดมคติของฉันคือ ต้องเป็นครูที่มีคุณธรรม จริยธรรม และ มีหัวใจของการเป็นครู อย่างเต็มเปี่ยม เพราะสิ่งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญให้แสงเทียน หรือ เรือลำนี้ สามารถ นำพา และช่วย ขัดเกลา นักเรียนนักศึกษาไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสำเร็จของชีวิตพร้อมที่จะเป็น บุคลากรที่ดีของชาติต่อไปได้
แม้ว่าครูในอุดมคติของฉันจะมีคุณสมบัติมากมาย แต่ข้างในลึก ๆ แล้วฉันก็หวังเพียงว่าครูทุกคนคงจะ เป็นครูที่พร้อมที่จะมอบวิชาความรู้ให้กับตัวฉันและนักศึกษาคนอื่นอย่างเต็มใจ สร้างความประทับใจ ให้กับตัวนักศึกษาได้ มิใช่ทำให้ฉันและนักศึกษาคนอื่นมองครูเป็น แค่เพียง เรือจ้างลำหนึ่ง หรือ เป็นแค่เปลวเทียนข้างทาง ที่ทำหน้าที่พาเราข้าม ไปสู่จุดหมายแล้วก็ลาจากกันไป โดยที่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่น่าจดจำและประทับใจติดตัวไปเลย
เรียงความวันครูเขียนโดย นางสาว ลิซาร์ สาอิ นักเรียนชั้น ปวช.1/1 สาขางานการประมง
รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดเรียงความในงานวันเคารพครู
เรียงความเรื่องแรกได้เล่าถึงเรื่องของ ครู ในอุดมคติตัวเองว่าจะมีภาพออกมาเป็นอย่างไร บ้างก็ว่าครูบางท่านเปรียบเสมือนแสงเทียนที่คอยส่องนำทางศิษย์ไปบนเส้นทางที่ดี ที่เหมาะสม บ้างก็ว่าครูเปรียบเสมือนกับเรือลำหนึ่งที่คอยพาศิษย์ข้ามผ่านอุปสรรคที่ยากเข็นและไปส่งขึ้นฝั่งได้อย่างสำเร็จ ท่านสละเวลาส่วนตัวเพื่อสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดี มีกริยามารยาทที่เพรียบพร้อมเรียบร้อย อีกทั้งในเรียงความเรื่องนี้ยังได้กำหนดครูในอุดมคติมาอย่างชัดเจนอีกว่า ครูที่ดีนั้นจะต้องมีอุปนิสัยโอบอ้อมอารี คอยให้คำปรึกษาและชี้แนวทางในยามที่ศิษย์เกิดปัญหาและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะต้องพบเจอกับครูในรูปแบบไหน แต่เชื่อได้ว่าครูทุกท่านต่างต้องการให้ศิษย์แต่ละคนเป็นคนดีของครอบครัว สังคม และทำสิ่งใดก็ประสบความสำเร็จด้วยวิริยะ อุตสาหะกันทั้งสิ้น
เรียงความวันครู เรื่องที่ 2
สังคมของการเรียนรู้ มิเคยดับสิ้น บรรดาแม่พิมพ์แห่งปัญญามิเคยสูญหาย โลกนี้ยังศักดิ์ไว้ด้วยหัวใจอันมุ่งมั่น ในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ของบรรดาคุณครูผู้เสียสละ เพื่อมุ่งสร้างคําสั่งของชาติและประโยชน์สุขของปวงประชา
จากวันนั้นที่ฉันเขลาเป็นลูกวัวที่เพิ่งคลอด จนบัดนี้ที่ฉันได้พบคําตอบแห่งปัญญา บนหนทางแห่งการศึกษา ทําให้ฉันได้ผ่านพบกับสิ่งที่ใจของฉันต้องจดจํามิลืมเลือน
“พระคุณครู” อันพระคุณจากผู้รู้ที่ถ่ายทอดบอกกล่าวให้แก่ฉัน ดั่งแสงไฟที่ส่องทางให้กระจ่าง คือแบบอย่างมาตรฐานที่ทําให้ฉันต้องทําตามบางครั้งพระคุณของท่านก็เป็นดั่งความหวัง ให้คนที่หลงทางมีกําลังจะต่อสู้ แน่นอนพระคุณของครูหาได้จํากัด จัดเพียงแค่ความรู้ทางวิชาการเท่านั้น หากแต่มันคือทุกอย่างที่คอยเติมเต็มช่องว่างของชีวิตคน
ใครเล่าคือครูของฉัน ครูของฉันคือคนสอนให้ฉันรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้คือคนนี้ สอนให้ฉันสู้เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นสิ้นหวัง คือคนนี้สอนให้ฉันกลับสู่หนทางแห่งแสงสว่างเมื่อความมืดคลอบงําจิตใจ และครูของฉันก็หาได้จํากัดเพียงผู้สําเร็จทางวิชาการเท่านั้น ครูของฉัน ไม่จําเป็นต้องแต่งตัว สวยให้รูปร่างน่าชื่นชม และครูของฉันบางคนก็เป็นเพียงคนสูบใบจากจนจนในร้านน้ําชา และปรากฏว่าสิ่งที่ศิษย์นั้นศรัทธาคือปัญญาเลิศล้ำที่บรรดาพวกท่านได้สั่งสอน
พระคุณครูอันมากยิ่งในใจฉัน มันยากเกินกว่าจะพรรณนา มันคือคําพูดที่ไร้ซึ่งเสียง มันเป็นงานเขียนที่ไว้ซึ่งอักษรและแน่นอนมันจะคงอยู่ในใจของฉันตลอดไป
เรียงความวันครูเขียนโดย นาย ซาการียา บินดอหับ นักเรียนชั้น ปวช.3/1 สาขางานการประมง
รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดเรียงความในงานวันเคารพครู
เรียงความเรื่องที่สองนั้นได้ให้คำจัดความว่า ครู มิได้เป็นแค่เพียงผู้ที่ให้แสงสว่างในด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นดั่งทุกอย่างที่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของชีวิต เป็นกำลังใจที่คอยอยู่เคียงข้างในยามที่ศิษย์นั้นต้องการ และไร้ซึ่งทางออก ท่านพยายามสั่งสอนให้ศิษย์ทุกคนมีความรู้ มีปัญหา ตลอดจนเป็นบุคคลเบื้องหลังที่ทำให้ศิษย์เกิดกำลังใจ ได้ลุกขึ้นสู้ในยามที่ศิษย์นั้นท้อแท้
เรียงความวันครู เรื่องที่ 3
ครูเป็นบุคคลที่สำคัญในชีวิตของเราเพราะครูเปรียบเสมือนแม่คนที่สองที่คอยอบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่อนุบาลจนถึงโตเป็นผู้ใหญ่และครูไม่ใช่แค่อบรมสั่งสอนเราเท่านั้นแต่ครูยังให้ความรู้แก่เรามากมายและยังสอนให้เราเป็นคนดีอีกด้วย ด้วยความเสียสละของครูที่ทำเพื่อเราทำให้ฉันซาบซึ้งในอาชีพครูเป็นอย่างมาก
ฉันใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะคิดว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่น่ายกย่องมากเพราะครูแต่ละคนมีใจเสียสละเพื่อส่วนรวมโดยเฉพาะครูในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทำให้ครูมีจำนวนลดลงเนื่องด้วยสาเหตุมีครูถูกยิงตายถูกระเบิด และมีครูบางส่วนที่หวาดกลัวจากเหตุการณ์ความไม่สงบแล้วก็ย้ายออกจากพื้นที่ทำให้โรงเรียนแต่ละโรงเรียนขาดครูเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันคิดว่าฉันควรที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีใจเสียสละเพื่อสังคมบ้างไม่มากก็น้อยเท่าที่จะทำได้โดยการเลือกอาชีพครู
คุณครูมะลิ จินดารัตน์ ซึ่งท่านเป็นบุคคลที่เสียสละต่อโรงเรียนปากน้ำเป็นอย่างมาก ท่านเป็นบุคคลที่ยอมเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อนักเรียน เพื่อกิจกรรมทางโรงเรียน และยอมทุ่มเททุกอย่างที่สามารถทำให้โรงเรียนปากน้ำเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นับว่าท่านเป็นครูที่ฉันประทับใจมานาน ถึงแม้ครูมะลิจะเคยดุเคยตีฉันบ้างแต่ฉันก็ไม่เคยโกรธเพราะคิดว่าครูกำลังอบรมเราอยู่ ดั่งสุภาษิตไทยที่ว่า รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตีครูมะลิรักนักเรียนทุกคนเหมือนลูก ท่านสอนนักเรียนทุกคนเป็นคนดี เป็นคนเก่งและที่สำคัญฉันต้องให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวฉันเพราะพ่อกับแม่คิดว่า อาชีพครูเป็นอาชีพที่มั่นคงเพื่อต่อไปจะได้ดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างสุขสบาย
ครูนับว่าเป็นบุคคลที่ประเสริฐนัก เพราะครูนั้นเปรียบเสมือนแม่พิมพ์ของชาติ ดังนั้นเราก็มีส่วนร่วมที่จะทำให้ชาติไทยเราเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นได้ ถ้าเราอบรมสั่งสอนนักเรียนให้เป็นคนดีและเพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดินการประกอบอาชีพข้าราชการครูเป็นการตอบแทนแผ่นดินอย่างหนึ่งที่ประชาชนอย่างเราสามารถทำได้
สุดท้ายนี้ดิฉันจึงขอเอา เพลงเทียนเล่มน้อย มาเพื่อน้อมระลึกถึงพระคุณของครู ครูคือเทียนส่องทางสร้างคน เป็นคน ด้วยผลของการศึกษา ครูจึงเป็นบุคคล ล้ำค่า...นำพา ประชาและชาติสดใส ครูอยู่ที่ไหน เจริญรุดไปที่นั่น เพราะครูคือผู้สร้างสรรค์ ส่งเสริมภูมิปัญญา...ดังแสงเทียนจุดท้า ต้านพายุแรงลมเป่า มิเคยมอดดับอับเฉา ดังเพียงโง่เขลา ของคน
ครูหวังตั้งใจให้การศึกษา ครูหวังตั้งใจให้การศึกษา ส่งเสริมปัญญายอยศจิตชน สั่งสอนดรุณสร้างบุญกุศล สร้างฐานะตนเรียนรู้สิ่งควร ครูเหมือนเทียนเล่มน้อย แต่มีแสงลอยโชติ แม้รวมกันหมื่นแสนดวง ย่อมพาโลกนี้สว่าง ชีวิตครูแจ่มใส ดั่งเรือน้อยคอยรับจ้าง แท้คือเทียนส่องนำทาง สร้างคนเป็นศรีของชาติ......ด้วยรัก
เรียงความวันครูเขียนโดย เด็กหญิง อามีเราะห์ สมาแฮ ชั้น ม.2/15 โรงเรียนปากน้ำ
เรียงความเรื่องที่สามนี้ได้เปรียบ ครู เป็นเสมือพ่อแม่คนที่สอง มิใช่เพียงผู้ที่คอยให้ความรู้ และแสงสว่างในการดำเนินชีวิตเท่านั้น แต่ท่านก็ยังเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เข้ามาเติมชีวิตและให้ความอบอุ่น เป็นเสมือนแสงเทียนที่คอยส่องนำทาง สร้างคน เป็นบุคคลที่ประเสิรฐ เป็นแม่พิมพ์ของชาติที่มีส่วนช่วยให้ประเทศชาติเจริญก้าวไปข้างหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ ฉะนั้น เราควรตระหนักและระลึกในบุญคุณของครูอยู่เสมอเมื่อเติบใหญ่ และเกิดความสำเร็จต่อไปในอนาคต
เรียงความวันครู เรื่องที่ 4
คุณครูของฉันเป็นคนดีสอนเก่งถึงครูจะดุจะตีแต่ครูก็รักพวกเรา ครูที่เขียนถึงเป็นครูตอนประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนวิทยานนท์ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษและเป็นที่ปรึกษาของพวกเราในการที่ให้ครูคนนี้เป็นครูที่รักมากเพราะครูสอนให้เราเก่งภาษาอังกฤษและทำให้เกรดอังกฤษของเราดีขึ้น
ครูที่ฉันรักมากที่สุดเป็นครูที่ฉันไม่เคยลืมจนปัจจุบันสอนภาษาอังกฤษเก่งเราทุกคนไม่เคยลืมครูเลยถึงพวกเราจะจบออกมาแล้วและครูได้ย้ายออกไปจากที่เดิมเราก็ยังคิดถึงคุณครูของเราเสมอ ครูที่ฉันรักมากที่สุดในความคิดของฉัน เป็นคนดี สอบเก่ง เข้าใจนักเรียน ในเวลาเราไม่สบายใจเรื่องต่างๆครูก็ค่อยที่จะบอกเราให้คำปรึกษาแก่เราทุกเรื่อง ครูเป็นได้ทุกอย่าง เป็นทั้งครูเป็นเพื่อนเป็นผู้ปกครองและเป็นคนที่เรารักคนหนึ่งและปรึกษาได้ทุกอย่าง
ฉันรักครูคนนี้มาก สิ่งที่ประทับใจในตัวครูคือตอนก่อนสอบปลายภาคซึ่งเป็นเวลาที่สำคัญสำหรับเด็กประถมศึกษาปีที่ ๖ อยู่แล้ว จะได้จบหรือไม ครูท่านได้มากติวให้เราอย่างเข้มเหมือนครูทุกคนแต่ไม่เหมือนตรงที่ครูท่านติวให้เราทุกวิชาที่เราไม่เข้าใจและครูไม่รู้จักเหนื่อยและอธิบายให้เราจนเข้าใจทุกอย่าง ถึงรูจะตีเรา ดุเรา เรารู้ว่าที่ครูทำไปเพราะรักเราบางครั้งเราอาจจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลงเพราะเข้าใจในสิ่งที่ครูท่านได้ทำลงไปเพราะรักและอย่างให้เราเป็นคนดีครูเป็นคนที่เรารักและเราเคารพครูมากในทุกเรื่องที่ครูทำ ถึงครูจะย้ายไปแล้วเรายังคิดถึงครูเสมอค่ะไม่เคยคิดที่จะลืมครูเลย พวกเราอยากจะบอกกับครูว่าเรารักครูมาก เราเข้าใจในสิ่งที่ครูทำและจะทำตัวให้ดีให้เหมาะกับการเป็นศิษย์ที่ดีของครูเป็นคนดีของสังคมและของพ่อแม่
ครูเป็นครูที่ดีของฉัน ฉันรักครูมากครูเป็นครูที่ศิษย์ทุกคนรักถ้าเราไม่มีครูในวันนั้นพวกเราคงไม่ได้ดีในวันนี้และไม่มีวิชาความรู้ที่จะไปแข่งขันกับผู้คนที่จะสอบเข้า ม.1 ต้องขอบคุณคุณครูมากที่สอนพวกเราครูเป็นคนที่ฉันรักมากค่ะเราจะเป็นเด็กดีและเป็นศิษย์ที่ดีของคุณครูทุกคน
เรียงความวันครูเขียนโดย เด็กหญิง วาณิชา ต้นแก้ว ม.3/3 โรงเรียนวิทยานนท์
เรียงความเรื่องที่สี่เป็นการเขียนถึงครูในสมัยประถม ท่านสอนวิชาภาษาอังกฤษ เป็นผู้จุดประกายให้การเรียนวิชาภาษาอังกฤษและผลการเรียนในวิชานี้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ผู้เขียนเล่าว่าเขารู้สึกคุณครูท่านนี้มาก เป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญกับลูกศิษย์อย่างถึงที่สุด จะให้ได้จากการติวในแต่ละครั้งก็มีความเข้มข้นเป็นทุนเดิม แต่เมื่อศิษย์เกิดความสงสัย หรือความไม่เข้าใจ ครูท่านนี้ก็พร้อมและเต็มใจที่อธิบายใหม่อีกครั้งเพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่เรียนตรงกัน โดยไม่มีอาการรำคาญ หรือความหน่ายแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าตอนนี้ครูท่านนี้จะได้จากโรงเรียนประถมไปแล้ว แต่บรรดาศิษย์ที่เคยได้เรียนร่วมกันมาต่างก็คิดถึงมิคลาย เพราะหากไม่มีครูในวันนั้น ก็คงไม่ศิษย์ที่สามารถสอบเข้าศึกษาต่อได้อย่างสำเร็จ และตั้งใจเอาไว้ว่าตนจะเป็นคนดี ตั้งใจเรียน และเป็นศิษย์ที่ดีของครูทุกๆ ท่านต่อไป
เรียงความวันครู เรื่องที่ 5
การก้าวเข้ามาในประโคนชัยพิทยาคม ให้อะไรหลายอย่าง รวมทั้งยังให้คุณครูที่รักดูแล เอาใจใส่ศิษย์ เช่น คุณครูนิฏฐา กัลยาประสิทธิ์ และคุณครูอุบลวรรณ ภูผาจง ท่านเป็น อาจารย์ที่ปรึกษา ของเราชาว ๖/๑ มาตั้งแต่ มัธยมศึกษาปีที่ ๔/๑ ท่านดูแลเอาใจใส่ พวกเรา ดีมาก เราทุกคนในห้อง รักท่านทั้งสองคน จะเรียก ท่านว่าแม่ แม่จะคอยว่า คอยสอนเรา ให้เราเป็นเด็กดี ให้คำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ ใครมีความทุกข์ ก็จะเข้าไปเล่าให้ท่านฟัง
แม่ช่วยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหา แม่ให้ความเป็นกันเอง กับพวกเรา ทุกคนมาก และท่านทั้งสอง ก็เคยไปเยี่ยมบ้านของลูก ๆ ทุกคนมาแล้ว รวมทั้งบ้านของหนู ที่อยู่ไกลออกไป อีกกว่าหกสิบกิโลเมตร แม้ถนนหนทางทุรกันดาร ท่านก็ไป และเป็นครั้งที่สอง ที่ท่านจัดให้พวกเราในห้องไปปิกนิก ที่บ้านของหนู ท่ามกลาง ภูเขา แม่น้ำ ด้วยงบของท่านทั้งสอง พวกเรายิ่งรักท่าน มากขึ้นทุกวัน
จนถึงเวลาที่ คุณแม่นิฏฐา ต้องลาออกจากราชการ เพราะต้องไปบริหารโรงเรียนของท่านเองที่ก่อตั้งนานหลายปี พวกเรามีความผูกพันกับท่านมาก จำได้ว่าวันนั้นเราชาว ๖/๑ ทำให้คนหลายคน ในโรงเรียนร้องไห้ เพราะซึ้งใจ เรา ๖/๑ ร่วมกันร้องเพลง ประสานเสียง 'ครูในดวงใจ' มอบให้แก่อาจารย์นิฏฐา แม่คนที่ ๒ ของพวกเรา บรรยากาศ การอำลาวันนั้น แต่ละคนจะเข้าไปกราบตักแม่นิฏฐา และร้องไห้ ท่านจะให้พรเราทุกคน
โดยเฉพาะหนู แม่เป็นห่วงมาก อยากให้ได้เรียนต่อเพราะทราบถึงฐานะของหนูดี หนูกอดแม่นิฏฐาร้องไห้ บรรยากาศวันนั้นยังแจ่มแจ้งในใจเสมอ หนูรักท่านมาก เวลาว่างในตอนเย็น เราก็จะรวมกลุ่มกันไปเยี่ยมแม่ทั้งสอง ที่บ้านเสมอๆ หนูดีใจมากที่ได้ตอบแทนบุญคุณท่าน ได้ทำสิ่งที่ทำให้ท่านภูมิใจ คือการสอบติด โครงการจุฬาชนบท เมื่อท่านรู้ ท่าน ดีใจกับหนูมาก หนูอยากบอกท่านว่า ท่านทั้งสองจะเป็นครูในดวงใจของหนูตลอดไป
เรียงความวันครูเขียนโดย นางสาว อรพรรณ จันทร์ดิษฐ์ โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม
เรียงความเรื่องที่ห้าได้เล่าถึงคุณครูที่ปรึกษาเมื่อสมัยที่ยังเรียนมัธยมปลาย 2 ท่าน เหล่าศิษย์ต่างเรียนครูสองท่านนี้ว่าแม่ ในเรียงความในเล่าว่า ท่านทั้งสองเป็นบุคคลต้นแบบที่ให้ความเป็นกันเองกับลูกศิษย์ และได้เคยออกไปเยี่ยมบ้านของลูกศิษย์ทุกๆ คนมาหมดแล้ว ถึงแม้ว่าระยะทางจะไกล หรือหนทางที่ต้องเดินทางไปจะเต็มไปด้วยอุปสรรค ครูสองท่านนี้เคยจัดให้นักเรียนทั้งห้องออกไปค้างแรมพักผ่อนเพื่อสร้างความสนิทสนมและพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ด้วยงบประมาณของท่านเอง แต่แล้วช่วงเวลาหนึ่งท่านทั้งสองก็ต้องลาออกจากโรงเรียนแห่งนี้เพื่อไปบริหารโรงเรียนของตัวเอง แต่บรรดาศิษย์ก็ยังระลึกอยู่เสมอ และมักจะหาเวลาไปเยี่ยมเยียนท่านอยู่บ่อยๆ สิ่งที่ทำให้ครูทั้งสองท่านนี้ภูมิใจมากที่สุด คือการที่ศิษย์นั้นสอบติดในคณะที่ใฝ่ฝัน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยฟื้นฟูชนบทอันห่างไกลด้วย นับว่าเป็นเรื่องราวที่ดี
รวมเรียงความจาก: km.streesp.ac.th
การเขียนเรียงความ ถือเป็นการถ่ายทอดความรู้ เรื่องราว ความรู้สึกของผู้เขียนลงบนตัวหนังสือ เรียงความวันครู จึงเป็นหนึ่งในสารที่สามารถส่งต่อความรู้สึกระหว่างศิษย์และครู ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการเขียนเรียงความนั้นอาจต้องเขียนเป็นเรื่องแบบเฉพาะหัวข้อ โดยอ้างอิงจากผู้กำหนดจัดการประกวด เช่น เรื่องคุณครูที่รัก เรื่องครูในดวงใจ หรือเรียงความเรื่องยอดฮิตอย่าง เรื่องครูของฉัน