สิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวหัวหนอง เป็นสิวที่มีที่มาเดียวกันนั่นก็คือ เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ซึ่งลักษณะการบวมเป่งของสิวนั้นเกิดจากการที่ร่างกายเราพยายามจะกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยส่งเม็ดเลือดขาวมาฆ่าเชื้อ ซึ่งสิ่งที่หลงเหลือจากการสู้รบระหว่างเชื้อสิวกับเม็ดเลือดขาวก็คือ "น้ำหนอง"สีขาวๆเหลืองๆที่เราเห็นนั่นเอง ซึ่งถ้าให้เรียงลำดับความร้ายแรงของสิวทั้ง 3 ประเภท ขอยกให้สิวหัวช้างมาเป็นที่หนึ่ง สิวหนองมาเป็นที่สอง และสิวอักเสบมาเป็นอันดับสุดท้าย
ทำไมสิวหัวช้างถึงหน้ากลัวสุด
จริงๆแล้วสิวหัวช้างก็เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง แต่ต่างกันตรงที่ว่า สิวหัวช้างนั้นมักจะประกอบไปด้วยสิวอักเสบมากกว่า 1 หัว คือมันเป็นสิวที่รวมเอาหัวสิวหลายๆหัวเข้าด้วยกัน จากสิวเม็ดเล็กกลายเป็นสิวเม็ดใหญ่เท่าช้าง มันจึงได้ชื่อว่าสิวหัวช้าง(อันนี้คิดเองนะครับ) ลักษณะที่น่ากลัวของสิวหัวช้างอีกหนึ่งข้อคือ สิวหัวช้างมักจะเป็นสิวหัวปิด คือมันชอบบวมแดงขึ้นมาเป็นเม็ดใหญ่ๆ แต่เราไม่สามารถมองเห็นหัวสิว หรือสามารถเอาหัวสิวออกได้ บางครั้งมันจะบวมเหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน เป็นสิวเม็ดนิ่มๆ กดเจ็บ แต่กดไม่ได้ บีบไม่หาย และที่น่ากลัวที่สุดเมื่อเป็นสิวหัวช้างก็คือ มันทำให้หน้าเราเป็นหลุมสิวได้ง่าย เพราะเวลาเป็นจะเป็นาน กว่าจะหายอย่างน้อยก็ 2 สัปดาห์ นี่ในกรณีที่ทายารักษาสิวอย่างเดียวนะ ถ้าเป็นไปได้ภาวนาว่าอย่าให้เราเป็นสิวหัวช้างเลยก็แล้วกัน น่ากลัวจริงๆ
เป็นสิวอักเสบไม่จำเป็นต้องเป็นหนองเสมอไป
ความจริงแล้วสิวหนองก็คือ สิวอักเสบระยะสุดท้าย เรียกว่ามันอักเสบจนได้ที่แล้ว ถึงเวลาที่ใกล้จะหายแล้วล่ะ เพราะเมื่อสิวบนหน้าของเราเป็นหนอง มันจะทำให้เราสามารถกดเอาหัวสิวที่อยู่ใต้ผิวหน้าของเราออกมาได้ (ก็มันบวมเป่งเป็นน้ำหนองซะขนาดนั้น) แต่อย่างไรก็ดี สิวอักเสบไม่จำเป็นต้องกลายเป็นสิวหนองทุกครั้ง หากเรามีการรักษาที่ถูกต้อง สิวอักเสบที่ว่าอาจยุบแห้งลงไปโดยที่ไม่ทำให้กลายเป็นสิวหนองได้เหมือนกัน คงอยากจะรู้แล้วสินะครับว่าต้องทำอย่างไร มาดูวิธีรักษาสิวอักเสบ สิวหัวช้าง และสิวหนองเบื้องต้นกันดีกว่าครับ
วิธีจัดการสิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวหัวหนองอย่างได้ผล
ทายาลดอาการอักเสบของสิว
ยาทาเพื่อลดการอักเสบของสิว หรือที่เรานิยมเรียกว่า "ยาแต้มสิว" นั่นเอง โดยยาแต้มสิวลดสิวอักเสบนั้นมีหลายตัวยาด้วยกัน เช่น ยาคลินดาไมซิน มีหลายยี่ห้อ เช่น คลินดาลินเจล ไวทาราคลินดาเจล คลินด้าเอ็ม ยาอีไรโตรไมซิน เช่น Eryacne Erythromycin Gel 4% ยาเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เช่น Benzac , Panoxyl , Brevoxyl , Enzoxid หรือแม้กระทั่ง ผงพิเศษตราร่มชูชีพ หรือ Face Lotion ของวิทยาศรม ซึ่งมีส่วนผสมของซัลเฟอร์ก็สามารถใช้ลดการอักเสบของสิวได้เช่นกัน ใช้ทาเช้า-เย็น หลังล้างหน้า จะช่วยให้สิวอักเสบที่บวมแดงของเรายุบลงได้ในเร็ววัน
ฉีดสิวหัวช้างลดการอักเสบของสิวอย่างเร่งด่วน
อีกวิธีที่สามารถช่วยลดการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ "การฉีดสิว" ซึ่งทุกคลินิครักษาสิวที่มีอยู่ในประเทศไทยนี้มีบริการฉีดสิวทุกที่ เรามักจะฉีดสิวก็ต่อเมื่อสิวเม็ดนั้นๆมีอาการอักเสบอย่างรุนแรง บวมเป่ง บวมเป็นน้ำ มองไม่เห็นหัวสิว และในกรณีที่เราต้องการให้สิวหายอักเสบอย่างเร่งด่วน โดยยาที่อยู่ในนั้นจะเป็นยาสเตียรอยด์และยาชา โดยสเตียรอยด์จะช่วยให้สิวเรายุบลงอย่างรวดเร็ว ช่วยลดการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ยาชาจะช่วยให้เราไม่เจ็บเวลาที่เราฉีดสิวไปที่หน้านั่นเอง ซึ่งการฉีดสิวนี้จะทำให้สิวยุบลงภายใน 1-3 วัน โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าสิวจะเป็นหนอง แต่ต้องเข้าใจว่าเมื่อเราฉีดสิวไปแล้วหัวสิวมันจะไม่หายไปไหน มันก็จะอยู่ที่เดิมนั่นแหละ หน้าที่เราคือเมื่อสิวมันหายบวมแล้วให้เรากดเอาหัวสิวเม็ดนั้นออก สิวก็จะไม่กลับมาบวมและอักเสบซ้ำอีก แต่ถ้าเราฉีดสิวแล้วไม่ได้เอาหัวสิวออก มันก็มีโอกาสที่สิวเม็ดนั้นจะกลับมาอักเสบได้อีก เข้าใจตรงกันนะ
กินยาแก้อักเสบ
อีกวิธีที่ช่วยให้สิวอักเสบหายไปอย่างรวดเร็วก็คือ "การกินยาแก้อักเสบ" ซึ่งยาแก้อักเสบนั้นมีหลายตัวให้เลือก ตั้งแต่แบบพื้นๆรักษาการอักเสบทั่วไปอย่าง Amoxicillin (ยาแก้อักเสบเม็ดสีเหลืองแดงเลือดหมู) Doxycycline , Isocap ไปจนถึงยาแก้อักเสบที่ระงับสิวอักเสบได้อย่างชะงักแต่แอบแรงและผลข้างเคียงเยอะอย่าง Acnotin ที่กินทีหนึ่งเป็นปีๆเลยทีเดียว ถ้าถามว่าการกินยาแก้อักเสบจำเป็นหรือไม่ ก็ขอบอกว่าจำเป็น แต่จำเป็นในกรณีของคนที่เป็นสิวหนักหน่วง เป็นสิวเยอะมากๆ อักเสบมากๆไม่ยอมหายสักที แต่ถ้าใครเป็นสิวอักเสบนิดๆหน่อยๆ เป็นประมาณ 3-4 เม็ดก็อย่าเพิ่งกินยา ลองรักษาด้วยวิธีอื่นก่อนจะดีกว่า เพราะยาแก้อักเสบพวกนี้ผลข้างเคียงเยอะ กินมากๆตับอาจพังได้
3 วิธีรักษาสิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวหัวหนองอย่างง่ายๆ ลองเอาไปปรับใช้กับตัวเองดูนะครับ ยาพวกนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ลองปรึกษาเภสัชดูก็ได้ว่าเราควรใช้ตัวไหนมากกว่ากัน ยาบางตัวมันเป็นตัวยาเดียวกัน เพียงแต่ว่าเป็นคนละยี่ห้อ ก็สามารถใช้แทนกันได้ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าเราคิดว่าเราไม่สามารถรับมือกับสิวบนหน้าของตัวเองได้แล้ว แนะนำให้ไปหาหมอรักษาสิวจะดีกว่าครับ เพราะบางทีเรื่องสิวนั้นมันมีมากกว่า 1 สาเหตุ ซึ่งเราก็ไม่รู้ได้ว่าเราเป็นสิวเพราะอะไร แต่หมอสามารถบอกเราได้นะ ลองดูแล้วกันนะครับ เลือกเอาว่าจะรักษาสิวด้วยตัวเอง หรือหาหมอรักษาสิว คุณเลือกได้ครับ
ที่มา : healthbeautydd.blogspot.com