ใบยอ.. ผักพื้นบ้านเป็นอาหารเสริมสร้างกระดูกชั้นยอด
ใบยอก็คือใบยาอีกนั้นแหละ เพราะใช้ใบยอตำให้แหลก เอาน้ำใบยอและกากใบยอขยำกับน้ำแบบเข้มข้น หมักบนหัวลูกหลานที่เป็นเหาเป็นหิดติดมาจากโรงเรียน ก็ฆ่าเหาได้ชงัดนัก หรือขยี้ใบยอให้ช้ำเอามาโปะบนเหงือกที่ปวดบวม ก็สามารถแก้อาการอักเสบ ปวดบวมได้เป็นต้น
น่าอัศจรรย์ใจที่ใบยอมีบทบาทอย่างมากในอาหารพื้นบ้านไทย และมีทั่วทุกภาคเสียด้วย เช่น ภาคกลาง เป็นผักรองกระทงห่อหมกปลาช่อนมาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะมีผักอื่นเข้ามาแข่งแต่ก็แซงใบยอไม่ได้ เพราะความอร่อยของห่อหมกยังไปได้ด้วยดีกับใบยอ ทางภาคอีสาน นำไปแกงอ่อมใบยอ และภาคใต้แก้เผ็ดปลาใส่ขมิ้นใบยอ เป็นต้น
ลักษณะจานอาหารเหมือนกับชาวบ้านจะรู้ว่าในใบยอนั้นมีวิตามินเอในรูปเบต้าแคโรทีนสูงมาก ขนาด 407 มิลลิกรัม ต่อใบยอน้ำหนัก 100 กรัมทีเดียว วิตามินเอดังกล่าวจะละลายได้ดีในไขมันและดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีด้วยเช่นกัน จานอาหารของเราส่วนใหญ่ก็ประกอบด้วยกะทิซึ่งเป็นไขมันชั้นดีจากธรรมชาติ
ต้นยอ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ถ้าเกิดในพื้นที่กว้าง ปล่อยให้เติบโตอย่างอิสระจะสูงถึง 4-8 เมตรทีเดียว รูปทรงโปร่ง กิ่งกระจายตัว ใบไม่แน่นทึบ เติบโตได้สองปีก็ให้ลูกผลได้รับประทานกันแล้ว แต่เรามักเก็บใบยอกินกันตั้งแต่อายุได้ขวบปีแรก ต้นยอตามบ้านมักไม่ใหญ่โตเต็มที่ ทั้งนี้เพราะเกิดในที่คับแคบและที่สำคัญ ถูกตัดกิ่งเอาใบไปกินอยู่บ่อยๆ ดังนั้นต้นยอในบ้านจึงดูเหมือนเป็นไม้ต้นเล็ก
ต้นยอเป็นไม้เขตร้อน นิยมปลูกกันในบ้าน เพราะสาเหตุหลายประการ เริ่มตั้งแต่ความเชื่อในเรื่องชื่อหนึ่งในไม้มงคล นิยมปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้เพื่อให้เป็นมงคลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ชาวบ้านต่างรู้ว่าต้นยอคือต้นยา นำมาใช้แก้สารพัดโรค ตั้งแต่ราก เปลือก ใบ ไปจนกระทั่งผล และใบก็คือผักที่แสนอร่อยในครัวพื้นบ้านทุกภาคของประเทศไทย ต้นยอจึงกลายเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในสวนไทย ชอบแดดและที่ชื้น เติบโตเร็ว
ยอบ้านเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Morinda Citrifolia Linn. ทางเหนือเรียก มะดาเสือ และ ยะ ภาคกลางเรียก ยอบ้าน กะเหรี่ยงเรียก แยใหญ่ อีสานเรียก ยอ เปลือกต้นลำต้นเรียบ มีแขนงเป็นรูปสี่เหลี่ยม ใบมีลักษณะรูปรีกว้าง แหลมปลาย ใบสีเขียว ผิวใบเป็นมันสวยออกดอกรวมกันเป็นช่อกลมสีขาว ผลมีรูปยาวกลมคล้ายกระบอกขนาดสั้น บางผลก็เป็นลูกกลมมน ผิวผลมีตาโดยรอบคล้ายตาสับปะรด มีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มอยู่ในผลมากมาย ผลมีขนาดตั้งแต่ลูกเล็กเท่าลูกปิงปองไปจนถึงลูกใหญ่ขนาดกำปั้นของเรา ขึ้นกับว่าเป็นผลจากต้นที่อุดมสมบูรณ์เพียงไร
ใบยอสีเขียวใบมัน ผิวใบเป็นคลื่นนั้น มีรสขมเล็กน้อย มีกลิ่นเฉพาะตัว ใบยอเป็นผักพื้นบ้านที่นำมาทำอาหารพื้นเมืองจานอร่อยได้แล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าอาหารอย่างมากมายโดยเฉพาะมีแคลเซียมสูงถึง 469 มิลลิกรัม ต่อใบยอน้ำหนัก 100 กรัม เรียกว่ามีแคลเซียมมากไม่แพ้น้ำนมสดเลยทีเดียว ร่างกายคนเราต้องการแคลเซียมวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม กินใบยอสุกสักจำนวน 1 ถ้วย ก็ได้แคลเซียมเกือบครบตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันแล้ว
แคลเซียมเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นเหลือหลายกับร่างกาย เพราะไปเสริมสร้างฟันและกระดูกให้แข็งแรงโดยเฉพาะในวัยเด็กเล็ก วัยผู้สูงอายุ รวมไปถึงคนเมืองที่ไม่ค่อยจะได้กินผักพื้นบ้านและไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกายนัก แถมยังเครียดตลอดเวลา แคลเซียมก็พากันวิ่งออกจากกระดูกหมด กลายเป็นโรคกระดูกบาง กระดูกพรุน ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพเมื่ออายุมากขึ้นและมากขึ้น
นอกจากแคลเซียมสูงมากๆ แล้ว ยังมีวิตามินเอในรูปเบต้าแคโรทีนสูงรองลงมาคือ 407 มิลลิกรัม ต่อใบยอน้ำหนัก 100 กรัม หรือ 1 ขีด นั่นเอง แถมด้วยวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และตามมาด้วยฟอสฟอรัส
ที่มา https://naichef.50megs.com/veget2.html