มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ
มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ หมายถึง, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ คือ, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ ความหมาย, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ คืออะไร
กลุ้มใจจริง ๆ ว่าคนเราทุกวันนี้ทำไมถึงได้เป็นหนี้ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตกันมากกันเหลือเกิน ได้ดูรายการทีวีไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้รู้ว่า มีกลุ่มคนที่มีหนี้จำนวนมากและประสบความลำบากและอับอายมากเมื่อถูกทวงหนี้ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ยึดติดกับบริโภคนิยม โดยเฉพาะการใช้สินค้ามียี่ห้อราคาแพงที่สำคัญเกินรายได้ที่มีอยู่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบในการนำเสนอตนเองต่อผู้อื่นให้เห็นว่า “มี” แต่เมื่อหันหลังกลับมาดูดีๆ จึงพบว่าภายใต้เปลือกเหล่านั้น มีการดำรงชีวิตอย่างลำบากแสนเข็ญเหลือเกิน แต่ก็ต้องอดทนปิดปากเงียบไม่กล้าบอกใครว่าไม่มีกิน หลายคนได้ประจักษ์แล้วและกลับตัวตั้งหลักใหม่ได้ทัน แต่หลายคนก็ยังไม่สามารถผ่านพ้นวัฏจักรมาได้ยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนการกู้ยืม กู้ของใหม่-เอาไปใช้ของเก่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก และที่สาหัสนั่นคือหลายคนถึงกับต้องสังเวยด้วยชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นไป นั่นเป็นเพราะไม่มีความทุกข์ใดจะหนักหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนนั่นเอง ดังนั้นสิ่งจำเป็นต้องรู้ให้ได้นั่นคือ “เรามีเงินไม่พอใช้ หรือเราใช้เงินไม่พอ” กันแน่ เพราะทั้งสองเรื่องนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การมีเงินไม่พอใช้หมายถึงการมีเงินใช้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต แต่การใช้เงินไม่พอหมายถึงการมีเท่าไหร่ก็ไม่เคยเพียงพอต่อการนำมาใช้จ่ายตามความทะยานอยากหรือกิเลสของตัวเรานั่นเอง ทางที่ดีที่สุดที่จะได้รู้ได้นั่นคือ เราควรหยุดนิ่งๆ และคิดให้รอบคอบ อาจจะเริ่มต้นด้วยการลงมือจดทุกอย่างที่เป็นรายได้และรายจ่ายของเราทุกรายการในทุกวัน ลองทำดูสักระยะหนึ่ง แล้วรายการที่ปรากฎทุกอย่างนั้นจะเป็นตัวบอกเราได้เองว่าเรามีเงินไม่พอใช้หรือใช้เงินไม่พอกันแน่ ซึ่งแนวทางการจดบัญชีรายรับ รายจ่ายนั้น ส่วนราชการและเอกชนในปัจจุบันเองก็รณรงค์ให้ทุกคนได้เรียนรู้และลงมือทำให้ได้ จดง่ายๆ ก็ได้ เพียงแค่ขอให้ลงมือจดเท่านั้นเอง ตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการจดบันทึกบัญชีมีให้เห็น ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล หรือระดับประเทศ ดังนั้น ใครที่ยังไม่ได้ลงมือทำ หรือยังไม่เคยคิดทำ แนะนำเลยว่าควรทำอย่างยิ่งแล้วเราก็จะได้เห็นผลจริงๆ หลังจากได้คำตอบแล้วว่าเราใช้เงินอย่างไร ขั้นตอนต่อไปคือต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแนวคิดของเราใหม่ รับความคิดใหม่ในเรื่องของเงินทองว่าไม่ใช่เรื่องของคนอื่นหรือเป็นเรื่องเคราะห์กรรมแต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของเราและการกระทำของเราเองทั้งสิ้น “หากเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราก็เปลี่ยนได้เช่นกัน” ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนความคิดใหม่ กำหนดเป้าหมายของชีวิตให้ชัดเจน คิดแผน และลงมือปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายที่เราต้องการให้ได้ เพียงแค่หลักง่าย ๆ เท่านี้ ก็จะทำให้เราเริ่มต้นใหม่ได้แล้วโดยจะไม่มีคำว่าสายไปหากลงมือทำ หลายคนพร่ำบ่นว่าเรื่องเงินทอง เป็นเรื่องน่าปวดหัว ยากที่จะคิดคำนวณและยากเหลือเกินที่จะทำความเข้าใจ เลยเอาแต่ใช้เงินอย่างเดียว แต่คนฉลาดนั้นมักจะมีแนวคิดที่มุ่งตรงไปสู่เป้าหมายสำคัญนั่นคือการเป็นอิสระ (Freedom) ไม่ว่าจะเป็นอิสระทางการเงิน หรือทางการงานก็ตาม คนฉลาดเหล่านั้นจะเริ่มหาข้อมูล หาความรู้ความเข้าใจ อาจเข้าร่วมสัมมนาหรืออบรมในเรื่องที่ตนเองสนใจ ที่หลายหน่วยงานในปัจจุบันนี้จัดให้ความรู้อย่างไม่ต้องเสียเงินเข้าฟัง หรือแม้แต่ e-learning ในหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดกว้างอยู่มากมายเพื่อให้ตนเองได้รู้เรื่อง เข้าใจและลงมือบริหารจัดการเงินทองของตนเองอย่างมีรูปแบบ หรือแม้แต่การนำเงินไปลงทุนในเครื่องมือการลงทุนต่างๆ ที่มีหน่วยงานมืออาชีพชำนาญการรับจ้างเราในการบริหารเงินให้งอกเงยได้ตามกรอบที่เราต้องการและกำหนดได้เช่นกัน เพื่อท้ายที่สุดนั่นคืออิสระที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการได้นั่นเอง คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามว่า เงินสามารถเติบโตได้ตามที่เรามุ่งมาดปรารถนาอย่างจริงจังเท่านั้น เพราะยิ่งหากเรามีความปรารถนาที่จะบรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้มากเท่าไหร่ เราจะยิ่งมีวินัยและระมัดระวังในการใช้จ่ายในระหว่างทางมากขึ้นเท่านั้นนั่นเอง
มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ หมายถึง, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ คือ, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ ความหมาย, มีเงินไม่พอใช้ หรือใช้เงินไม่พอ คืออะไร
ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!