แผลริมอ่อน เป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Haemophilus Ducreyi โรคนี้ติดต่อได้ง่ายแต่ก็สามารถรักษาให้หายขาด โรคนี้จะทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศ และต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต บางครั้งมีหนองไหลออกมาที่เรียกว่า ฝีมะม่วง หากไม่รักษาจะเป็นสาเหตให้เกิดการติดเชื้อ ทำงานอยู่กับบ้าน ผ่าน net 100% รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำ สมัครที่ https://tinyurl.com/67faks
ลักษณะทั่วไป
แผลริมอ่อน (ซิฟิลิสเทียม ก็เรียก) พบได้ประมาณ 2-5% ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ฮีโมฟิลุสดูเครย์ (Hemophilus ducreyi)
โรคนี้ติดต่อได้สองวิธีคือ
- ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการสัมผัสแผลระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
- ติดต่อโดยการปนเปื้อนหนองไปติดผิวหนังส่วนอื่น
อาการ
หลังได้รับเชื้อ 2-7 วัน จะมีแผลเล็ก ๆ ที่ปลายอวัยวะเพศ ลักษณะคล้ายแผลเปื่อย ขอบไม่แข็งและไม่เรียบ เรียกว่า แผลริมอ่อน เวลาแตะถูกมักมีเลือดซิบ ๆ และรู้สึกเจ็บ มักมีหลายแผล ต่อมาจะพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตติดกันเป็นพืดและเจ็บ ลักษณะเป็นสีแดงคล้ำและนุ่ม อาจแตกเป็นหนองได้ ส่วนมากโตเพียงข้างเดียว บางคนอาจมีไข้ หนาวสั่น เบื่ออาหารร่วมด้วย ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แผลจะลุกลามไปมาก บางคนอาจเป็นมากจนอวัยวะเพศแหว่งหายได้ คนไทยเราเรียกว่า โรคฮวบ
อาการแทรกซ้อน
- อาจทำให้เป็นแผลดึงรั้งจนเกิดภาวะหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายไม่เปิด
- ในรายที่เป็นรุนแรง อาจทำให้อวัยวะแหว่งหาย (โรคฮวบ)
- เนื่องจากเป็นแผลทำให้เกิดการติดเชื้อ HIV ง่ายขึ้น
- ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบอาจจะอักเสบจนแตกเป็นหนองไหลออกมา หากไม่รักษาใน 5-8 วันหลังจากเกิดแผล
- แผลอาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย
- หากเป็นแผลที่หนังอวัยวะเพศชายอาจจะเกิดพังผืด
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยทำได้โดยการน้ำหนองที่ก้นแผลไปย้อมเชื้อก็จะพบเชื้อโรค และยังสามารถเพาะเชื้อเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรค
การรักษา
1. ให้อีริโทรไมซิน ครั้งละ 500 มิลลิกรัม (2 แคปซูล) วันละ 4 ครั้ง นาน 7 วันหรือให้โคไตรม็อกซาโซล ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง นาน 7 วัน
2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรส่งโรงพยาบาลหรือศูนย์ควบคุมกามโรค เพื่อทำการย้อมหาเชื้อจาก หนองที่แผล ถ้าเป็นแผลริมอ่อน ก็ให้การรักษา ด้วยยาขนานใด ขนาดหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- โอฟล็อกซาซิน 400 มก. กินครั้งเดียว
- ไซโพรฟล็อกซาซิน 500 มก. กินครั้งเดียว
- เซฟทริอะโซน 250 มก. ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียว
ข้อแนะนำ
1. โรคนี้บางครั้งอาจแยกออกจากซิฟิลิส ไม่ชัดเจน ถ้ารักษาแล้วไม่ดีขึ้นหรือสงสัยเป็นซิฟิลิส ควรแนะนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาล
2. แม้ว่าอาการจะหายดีแล้ว ผู้ป่วยก็ควรเจาะเลือดตรวจวีดีอาร์แอล และเชื้อเอชไอวี เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นซิฟิลิส หรือติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย
3. ควรรักษาแผลเฉพาะที่โดยใช้น้ำเกลือชะล้าง ไม่ต้องใส่ยาอะไรทั้งสิ้น ไม่ควรใช้เพนิซิลลิน หรือ ซัลฟา ใส่แผล เพราะอาจทำให้แพ้ได้ง่าย
การป้องกัน
- อย่าสำส่อนทางเพศ
- ใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากยางธรรมชาติ(ป้องกันได้เฉพาะอวัยวะเพศเท่านั้น ผิวหนังส่วนอื่นไม่สามารถป้องกัน)
- หากมีแผลให้งดการมีเพศสัมพันธ์
- ควรฟอกล้างด้วยสบู่หลังการร่วมเพศทันที
ที่มา
https://lifestyle.kingsolder.com/health/disease.asp?id=309&no=1&type_id=13
https://www.thailabonline.com/sexualvdrl.htm