พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีประวัติมายาวนาน โดยมีต้นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย นับว่าเป็นศาสนาที่มีความสำคัญที่สุดในโลกศาสนาหนึ่ง มีผู้นับถือหลายร้อยล้านคนโดยเฉพาะในประเทศ ต่าง ๆ ทางเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียอาคเนย์ ปัจจุบันพบว่ามีผู้นับถือศาสนาพุทธทั่วโลกประมาณ 400 ล้านคน เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 100 ล้านคน ส่วนที่เหลือกระจายไปในประเทศต่างๆ เช่น ไทย ศรีลังกา พม่า และอินเดีย นอกจากนี้ยังพบว่าชาวยุโรป และอเมริกาหันมานับถือศาสนาพุทธกันมากขึ้น โดยให้เหตุผลว่าคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นสัจธรรมที่สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติ และพิสูจน์ให้เห็นผลได้ตามหลักธรรมชาติ อันเป็นพื้นฐานแห่งความต้องการของชนชาวยุโรป และอเมริกาที่ชอบพิสูจน์ค้นคว้าหาความจริง จึงช่วยให้เกิดความสุขสงบสุขทางจิตใจมากกว่าอย่างอื่น อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความรุนแรงทางด้านวัตถุนิยมของชาวตะวันตกได้ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาวยุโรปและอเมริกานั้นเรียบง่าย และทำให้ลดปัญหาทางสังคมลงได้มาก ตามอัตราส่วนของชาวยุโรป และอเมริกาที่หันมานับถือพระพุทธศาสนาและได้ประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2548 ที่ทำการสำรวจการนับถือศาสนาของประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปี พบว่าประชากรประมาณร้อยละ 94.8 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.47 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.73 นับถือศาสนาคริสต์ แต่ยังไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการของจำนวนผู้นับถือศาสนาหรือลัทธิอื่นๆ ในประเทศไทย
ในส่วนหลักธรรม คำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนา เช่น อริยสัจ 4 สังคหวัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 การทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธ์ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธในประเทศไทยคุ้นเคย และยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ส่งผลให้คนไทยเป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และทำให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันมาได้อย่างสงบสุขท่ามกลางความหลากหลายทางศาสนาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (นอกเหนือจากการมีกฎหมายบ้านเมืองบังคับ) จนประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม และเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา โดยไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ว่าจะต้องบรรจุลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่
แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน กรณีที่มีพระสงฆ์และชาวพุทธบางกลุ่มออกมาเรียกร้องให้มีการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ได้กลายเป็นประเด็นขัดแย้งที่นับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในฝ่ายของผู้ที่สนับสนุนก็ได้กล่าวถึงข้อดีไว้ เช่น ในปัจจุบันสภาพสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทำให้มีคนบางกลุ่มที่อาศัยพระพุทธศาสนาเป็นที่ทำมาหากิน มีพระไม่ดีเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้นการบรรจุพระพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญจะช่วยให้สามารถจัดการกับคนกลุ่มนี้ให้มีจำนวนลดน้อยลงได้ โดยการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากำกับดูแล และสนับสนุนให้การดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือทำให้สามารถยืนยันถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นดินแดนพระพุทธศาสนา ซึ่งคนทุกคนในประเทศมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาที่ตนศรัทธาได้โดยไม่ขัดแย้งกัน และได้สร้างการยอมรับมติของประชาคมโลกที่ยกย่องให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาของโลก
ส่วนทางฝ่ายที่คัดค้านก็เห็นว่าไม่ควรที่จะบรรจุไว้ด้วยเหตุผลนานาปการ เช่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานกรรมาธิการวิสามัญประสานงานการมีส่วนร่วมและการประชามติ ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ไว้ว่า " ตนไม่เห็นด้วย มีข้อเสียมากกว่า ศาสนาพุทธเป็นของสูง ไม่ควรนำมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะถึงแม้จะมีรัฐธรรมนูญ ในอนาคต อาจจะถูกฉีกได้ ดังนั้นอาจจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย ควรนึกถึงหลักธรรมให้มาก " หรือ การบัญญัติศาสนาพุทธลงไปในรัฐธรรมนูญ อาจจะก่อให้เกิดการแบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ความสำคัญของการนับถือศาสนาพุทธนั้นอยู่ที่การปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามากว่า และการระบุลงไปในรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า คนไทยจะมีศีลธรรม หรือจิตใจที่ดีขึ้น นอกจากนี้ บางส่วนก็ว่าน่าจะหันไปให้ความสำคัญกับการชำระพระธรรมวินัย การชำระสะสางเรื่องไม่ดีทั้งหลายในวงการพระสงฆ์ มากกว่า
ในส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้ มิได้มีเจตนาที่จะฝักใฝ่ สนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นการเฉพาะ แต่ก็มีข้อสังเกตเพียงเล็กน้อย หลังจากได้ติดตามเรื่องนี้อยู่นาน ก่อให้เกิดหลายๆคำถามขึ้นในใจว่าถ้ามีแล้วจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่มีอย่างที่เป็นมาในอดีตเป็นเพราะอะไร จึงอยากให้ผู้ที่ได้อ่านบทความนี้ทุกท่านลองคิดทบทวนและตอบคำถามที่ผู้เขียนสงสัยดูสิว่า ท่านเองก็สงสัยอย่างที่ผู้เขียนสงสัยใคร่รู้อยู่หรือไม่ ดังนี้
สัญลักษณ์ของชาติไทย
และคำถามข้อสุดท้าย
เคยคิดกันไหมว่าสีของธงชาติไทยที่มีสามสี สีแดงหมายถึงชาติ สีขาวหมายถึงศาสนา และสีน้ำเงินหมายถึงพระมหากษัตริย์นั้น เป็นสัญลักษณ์ของชาติไทยซึ่งใครเห็นใครได้ยินเสียงเพลงชาติไทยต่างก็ยืนตรงเคารพธงชาติด้วยความเคารพด้วยกันทั้งนั้น คราวนี้ถ้าบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้วไซร้ ก็เท่ากับว่าสีขาวเป็นสีของศาสนาพุทธ แล้วทีนี้เวลาเราร้องเพลงชาติจะมีคนที่นับถือศาสนาอื่นยืนตรงเคารพธงชาติด้วยไหม แล้วเราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นแต่เพียงคำถามที่ผู้เขียนสงสัยใคร่รู้ว่าท่านทั้งหลายคิดเห็นกันอย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะชักจูงหรือโน้มเอียงไปยังฝ่ายใด แต่ถ้าท่านลองอ่านและลองคิดตามคำถามเหล่านี้แล้วล่ะก็ ท่านจะได้คำตอบในใจท่านเองว่าสมควรที่จะบัญญัติศาสนาพุทธให้เป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดสามารถตอบคำถามและหาข้อโต้แย้งมาหักล้างได้อย่างมีน้ำหนักครบทั้ง 8 ข้อได้แล้วล่ะก็ ผู้เขียนเองก็เห็นสมควรให้บัญญัติไว้ตามที่ท่านทั้งหลายประสงค์
ที่มา
โดย อรรถวรรณ ไทโยธิน และทิชา ทิมพูล นิสิตหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
https://www.thprc.org/node/386
ทำไมรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาไม่เคยมีฉบับใดที่บัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
คำถามข้อที่ 1
ถ้าบัญญัติไว้แล้วดี แล้วทำไมที่ผ่านมาตั้งแต่มี รธน.ฉบับปี 2475 (ผ่านมาแล้ว 16 ฉบับ) ถึงไม่เคยมีฉบับใดที่บัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเลย ทั้งๆที่กว่าที่จะร่าง รธน.ได้ในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนๆเดียวร่าง หรือเป็นแบบหมู่คณะก็ล้วนแต่ประกอบไปบุคคลผู้ทำหน้าที่ร่าง รธน.ที่มีความรู้ในการร่างกฎหมายมหาชน ไม่ว่าจะเป็นนักกฎหมาย นักรัฐศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ เป็นต้น มันน่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่างอันเป็นที่เข้าใจได้ว่าน่าจะมีปัญหาอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผลกระทบทางศาสนาตามมาในภายหลังถึงไม่ได้บัญญัติไว้ก็น่าคิดจริงไหม
การทับซ้อน กฎหมายลูกกับพระธรรมวินัย
คำถามข้อที่ 3
โดยหลักปกติแล้วการจัดการเกี่ยวกับสงฆ์จะขึ้นอยู่กับพระธรรมและพระวินัย หรือถ้าพระสงฆ์ทำความผิดก็มีกฎหมายต่างๆรองรับอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น พระเวลาทำผิดก็มีกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งรองรับการกระทำความผิดเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว หรือบางทีพระสงฆ์ทำผิดพระธรรม พระวินัยก็อาจถึงขั้นปราชิก คือขาดจากความเป็นสงฆ์ พูดให้ง่ายๆก็คือถูกจับสึกนั่นเอง ฉะนั้น ถ้ามีกฎหมายลูกออกมาอีกก็อาจจะทับซ้อน ขัดหรือแย้งกับพระธรรมวินัยได้
การคำนึงถึงคนที่นับถือศาสนาอื่น
คำถามข้อที่ 4
พวกเราชนกลุ่มมากที่นับถือศาสนาพุทธเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่แล้ว ต้องคำนึงถึงหัวอกคนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาอื่นด้วย เขาก็เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยเหมือนกับเรา เพียงแต่มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ทำดีเป็นคนละสิ่งเท่านั้น ไม่น่าจะก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกเหมือนเขาเป็นชนกลุ่มน้อยอีก
การกระทบกระทั่งระหว่างองค์กรศาสนาในระดับสากล
คำถามข้อที่ 5
จริงๆแล้วการเข้ามาเผยแผ่ศาสนาอื่นๆก็มีมานมนานแล้วและสยามเราก็ไม่ปฏิเสธหรือต่อต้าน ฉะนั้น หากบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติก็เท่ากับกระทบการเผยแผ่ศาสนาอื่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างองค์กรศาสนาในระดับสากลได้ อันนี้น่าคิด
การให้สิทธิเสรีภาพพลเมืองของตนเองในการนับถือศาสนาอื่น
คำถามข้อที่ 6
เราปฏิเสธได้หรือไม่ว่าโลกาภิวัตน์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และอื่นๆอีกมากมาย ที่ส่งผลให้พลเมืองของประเทศในโลกมีส่วนผสมที่คละเคล้ากันไปทุกศาสนา อันสืบเนื่องมาจากการถ่ายเทพลเมืองจากประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศหนึ่งด้วยปัจจัยต่างๆ อันเป็นที่ประจักษ์กันดี ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายกำลังแรงงาน การเคลื่อนย้ายอันเกิดจากภัยธรรมชาติหรือภัยสงคราม หรือแม้แต่กระทั่งการเคลื่อนย้ายของเทคโนโลยีต่างๆ นั้น ที่ทำให้เป็นหลักสากลว่าประเทศใดๆก็ตามในโลกควรให้สิทธิเสรีภาพพลเมืองของตนเองในการนับถือศาสนาอื่นใดก็ได้
การเพิ่มประเด็นปัญหาที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง
คำถามข้อที่ 7
ปัจจุบันสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เราจึงไม่ควรจะเพิ่มประเด็นปัญหาที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง อันอาจนำไปสู่ปฏิกิริยาระดับสากลได้จริงไหมคนไทยทุกคน
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสงฆ์กับฝ่ายฆราวาส
คำถามข้อที่ 2
เคยคิดไหมว่าเมื่อมีกฎหมายแม่บท (รธน.) บัญญัติไว้แล้ว ก็ต้องมีกฎหมายลูกตามมาอีกมากมายในภายหลัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสงฆ์กับฝ่ายฆราวาสได้ เพราะคนที่นั่งบัญญัติกฎหมายอยู่ในสภาก็ไม่ใช่พระสงฆ์นี่น่าจริงไหม